Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับนายนาเกซ ซิงค์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย และผู้ติดตามเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้า การลงทุนในประเทศอินเดียรวมถึงนโยบายของรัฐบาลอินเดีย

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น.

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับนายนาเกซ ซิงค์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย และผู้ติดตามเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้า การลงทุนในประเทศอินเดียรวมถึงนโยบายของรัฐบาลอินเดีย และเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับผู้นำด้านธุรกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือในภาคเศรษฐกิจต่างๆ ระหว่างประเทศอินเดีย และประเทศไทย

ต่อมาเวลา 15.00 น. คณะได้เดินทางไปที่หอประชุมรินทอง โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี โดยนายนาเกซ ซิงค์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีมอบหนังสือนิทานชาดกให้แก่นักเรียน โดยมีนายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย นางสาวพรรณา พรหมวิเชียร รองศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนจากทุกสังกัดในจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าร่วม เพื่อมอบหนังสือนิทานชาดกสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 5000 เล่ม โดยหนังสือนิทานชาดกได้ถูกจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชื่อดังของอินเดีย ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ให้ผู้อ่านรุ่นเยาว์เข้าถึงและมีส่วนร่วม โดยมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมความเข้าใจทางวัฒนธรรม ปลูกฝังค่านิยมด้านคุณธรรม ศีลธรรม และความประพฤติอันดีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ให้เยาวชนได้รู้จักกับชีวประวัติ คติธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดจนนำไปต่อยอดในการเรียนรู้และปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดโครงการสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีชักพระทางน้ำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2566

วันที่ 30 ตุลาคม 2566

นายบันดาล สภิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมเป็นประธานพิธีเปิดโครงการสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีชักพระทางน้ำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2566 พร้อมด้วย นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน เข้าร่วมในพิธี

โดยในพิธีประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีกรสงฆ์อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล พิธีกรสง์อาราธนาพระปริตรพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สมโภชเรือพนมพระทางน้ำ แขกผู้มีเกียรติร่วมถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ประธานในพิธี กรวดน้ำ รับพร ประธานในพิธี ลั่นฆ้องเปิดงานพระสงฆ์ 9 รูป เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นประธานในพิธีและแขกผู้มีเกียรติเยี่ยมชมเรือพนมพระทางน้ำ และนิทรรศการองค์ความรู้ ชมการสาธิตการทำเรือพนมพระชมขบวนรถพนมพระทางบก

สำหรับการจัดงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว ประจำปี 2566 จะมีเรือพนมพระทางน้ำ เข้าร่วมขบวนแห่เรือพนมพระทางน้ำจำนวน 4 ลำ จาก 4 วัด ประกอบด้วย วัดแหลมทอง วัดบางใบไม้ วัดบางกล้วย และ วัดประสิทธิ์ธาราม โดยขบวนเรือจะจอดให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมชมและร่วมทำบุญ บริเวณริมแม่น้ำตาปี สะพานนริศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หารือภาครัฐและเอกชน 3 จังหวัด ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว

วันที่ 30 ตุลาคม 2566

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และผู้เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและประชุมร่วมกับนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากการท่องเที่ยวและกีฬา และรับฟังปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนและการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา ณ ห้องประชุมโรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ซึ่งจากข้อมูลในที่ประชุม พบว่า สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห้วงเดือนเดือนมกราคม – กันยายน 2566 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 39,177.42 ล้านบาท คิดเป็น 2.77 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดของประเทศไทย โดยพื้นที่เกาะสมุยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุด จำนวนกว่า 2.5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 27,616 ล้านบาท รองลงมาเกาะพะงัน และเกาะเต่า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติเยอรมัน สหราชอาณาจักร อิสราเอล ฝรั่งเศส และรัสเซีย

ทั้งนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GDP) ณ ปี 2563 มูลค่า 178,385 ล้านบาท เป็นลำดับที่ 19 ของประเทศ และลำดับที่ 3 ของภาคใต้ รองจากจังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราช สำหรับรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 155,156 บาทต่อคนต่อปี เป็นลำดับที่ 5 ของภาคใต้ รองจากชุมพร ภูเก็ต พังงา และกระบี่ โดยขึ้นอยู่กับสาขาเกษตรกรรม 23.80 % สาขาอุตสาหกรรม 18.43 สาขาการขายปลีกขายส่ง 14.21 % สาขาโรงแรมและบริการด้านอาหาร 10.23 และสาขาอื่นๆ 28.37 %

  • --------


ภาพ/ข่าว - สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี

มวลชนนับหมื่นร่วมขบวนแห่เรือพระพนมทางบก ในงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีประจำปี 2566

วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ณ บริเวณถนนดอนนก หน้าศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานเปิดการประกวดเรือพนมพระทางบกและปล่อยขบวนแห่เรือพนมพระทางบกฯ ในงานประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประจำปี 2566 โดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับคณะสงฆ์ และประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งในปีนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมรับชมความงดงามและร่วมขบวนแห่เรือพนมพระนับหมื่นคน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีเรือพนมพระจากวัดต่างๆ ทั้ง 19 อำเภอ เข้าร่วมจำนวน 112 ลำ เป็นการอนุรักษ์สืบสานไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับประเพณีชักพระ เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวปักษ์ใต้ ทำบุญหลังวันออกพรรษา ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระมารดา เมื่อครบพรรษาจึงเสด็จมายังโลกมนุษย์พุทธศาสนิกชน จึงมารอรับเสด็จแล้วอัญเชิญพระพุทธเจ้าขึ้นประทับบนบุษบก แล้วแห่ไปรอบเมือง โดยเรือพนมพระเป็นรถหรือล้อเลื่อนที่ประดับตกแต่งให้เป็นรูปเรือ แล้ววางบุษบกสำหรับอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐาน แล้วลากหลังวันออกพรรษา สมัยก่อนจะทำเป็นรูปเรือใช้ไม้ไผ่สานแล้วตกแต่งเป็นรูปพญานาคใช้กระดาษสีเงินสีทองทำเป็นเกล็ดกลางลำตัว ทำเป็นร้าน เรียกว่า "ร้านม้า" และส่วนที่สำคัญที่สุด คือ บุษบก ซึ่งแต่ละวัดจะออกแบบอย่างสวยงาม หลังคานิยมทำเป็นรูปจัตุรมุข ตกแต่งด้วยหางหงส์ช่อฟ้า ใบระกา และทุกครัวเรือนในชุมชนจะทำขนมต้ม เพื่อนำไปแขวนที่เรือพนมพระของวัดต่างๆ รวมทั้งจะมีการจัดทำพุ่มผ้าป่า และชักพุ่มผ้าป่าหน้าบ้าน โดยเป็นการรวมตัวของชาวบ้าน เพื่อร่วมทำกิจกรรมเป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคี และรวมสืบทอดประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป.

  • --------


ภาพ/ข่าว - สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!