ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน รับฟังปัญหาและอุปสรรค มอบนโยบาย และหารือข้อราชการกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Accessibility Tools
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมเมืองคนดี ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 10/2568 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
ในการนี้ ที่ประชุมได้ติดตามคดีสำคัญ และความเคลื่อนไหวภาคประชาชนในพื้นที่ ติดตามการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเล สถานการณ์การค้ามนุษย์ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานการณ์การป้องกันและปราบปราบการลักลอบสินค้าผิดกฎหมาย รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า ในช่วงท้ายของการประชุมได้รับฟังสรุปข้อมูลจำนวนผู้ต้องขัง ผู้ต้องโทษ และรายงานสถานการณ์ภายในเรือนจำ สรุปผลการอํานวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม โดยได้มอบแนวทางการปฏิบัติงาน พร้อมกับเน้นย้ำคดีเกี่ยวข้องอาวุธปืน ขอให้เจ้าหน้าที่ เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งด่านตรวจอาวุธปืน รวมทั้งสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันและลดโอกาสการเกิดอาชญากรรมในพื้นที่ สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น.
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับนายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดําเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ณ ศูนย์เรียนรู้ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านทับชั้น หมู่ที่ 2 ตำบลกรูด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในการนี้คณะได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดําเนินงานของศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านทับชั้น รวมถึงปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ทั้งนี้ ท่านเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ขอบคุณทุกภาคส่วน พร้อม เน้นย้ำร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติด สร้างโอกาสและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ผ่านการบําบัดและสังคมโดยรวม นอกจากนี้ท่านได้ ให้กําลังใจแก่เครือข่ายภาคประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในการดําเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ยุติธรรมที่ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับเป้าหมายในการเสริมสร้างความยุติธรรมและ ความปลอดภัยในสังคมอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม และภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลและแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
ต่อจากนั้น เวลา 11.00 น. นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจผู้ถูกคุมความประพฤติคดียาเสพติด ในโครงการ “สานสัมพันธ์ น้อง–พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1/2569” และตรวจเยี่ยมผู้ต้องขัง, โครงการโคกหนองนาฯ ในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข, โครงการกำลังใจฯ และโครงการทูบีนัมเบอร์วัน พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบกที่ 4 ค่ายวิภาวดีรังสิต อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี โดยมีถูกคุมความประพฤติคดียาเสพติด ในโครงการฯ จำนวน 40 ราย
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ปี 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 และเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องเมืองคนดี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อชี้แจงผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมและทรัพย์สินเสียหาย และกรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน รวมทั้งรับทราบเงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ กรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำที่ถูกน้ำล้อมรอบ จนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป และที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยอาศัย จนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป
สำหรับการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท ในกรณีดังนี้ 1.ที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือกรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 7 วัน 2.กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำล้อมรอบ จนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป และกรณีที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยอาศัย จนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป
นอกจากนี้ยังมีการให้ความช่วยเหลือกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานาน ติดต่อกันตั้งแต่ 31 – 60 วัน ช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท , 61 – 90 วัน ครัวเรือนละ 10,000 บาท , 91 – 120 วัน ครัวเรือนละ 15,000 บาท และน้ำท่วมขังที่อยู่อาศัย 121 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 20,000 บาท ทั้งนี้ต้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ/พื้นที่ประเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีที่ประสบภัยหลายครั้ง ให้ได้รับความช่วยเหลือเพียงครั้งเดียว.