รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร่วมประชุมการติดตามความคืบหน้าในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกรณีบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น.
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวของ ติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล และนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกรณีบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่ผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือคดีนอมินี ซึ่งเป็นความผิดที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ
โดยนายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคงและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในการนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มอบแนวทาง/มาตรการในการควบคุมต่างชาติ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยระยะสั้น เน้นการป้องกัน การแสดงศักยภาพ ออกตรวจพื้นที่เสี่ยงที่มีต่างด้าวรวมตัวจำนวนมาก เพื่อป้องกันและระวังการเกิดเหตุ และการปราบปราม ให้บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ หากพบการประทำผิดซึ่งหน้า เช่น Overstay หรือทำงานผิดประเภท/ผิดกฎหมาย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย ส่วนในระยะกลาง ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนพฤติการณ์การทำความผิดเกี่ยวกับนอมีนี โดยประสานพาณิชย์จังหวัด วิเคราะห์ความสามารถในการลงทุนของบริษัท หากการพบกระทำผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้ตำรวจภูธรจังหวัด สืบสวนขยายผลถึงคนต่างด้าวที่มีพฤติการณ์กระทำความผิด ตามมาตรา 12 เช่น ค้าประเวณี ยาเสพติด เป็นผู้มีอิทธิพล และทำผิดซ้ำซาก ขณะที่ในระยะยาว ให้ตำรวจภูธรจังหวัด / หน่วยงานความมั่นคง ประสานผู้นำชุมชน/ท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่สร้างการรับรู้ ปรับทัศนคติ ความเข้าใจให้กับคนต่างด้าวที่ต้องการอาศัยในประเทศไทย เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ทั้งนี้ขอให้คณะทำงานของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และเท่าเทียม เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป

