ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี มอบบ้านตามโครงการ "ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567"
วันที่ 14 พ.ค. 67 เวลา 14.00 น. ณ บ้านนายมนน เพราพริ้ง บ้านเลขที่ 28 หมู่ที่ 11 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบบ้านตามโครงการ "ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567"
โดยมี นางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ในโครงการ พร้อมทั้งนายอำเภอดอนสัก ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชน ให้การต้อนรับ
โดยเหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย จึงได้จัดทำโครงการ "ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567" จำนวน 28 หลัง วงเงินหลังละไม่เกิน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกิดความสุขทั้งร่างกายและจิตใจรวมทั้งให้มีที่อยู่อาศัย อันเป็นปัจจัยจำเป็นแก่การครองชีพ ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บ้านที่จะส่งมอบนี้เหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สร้างให้กับครอบครัวบ้านนายมนน เพราพริ้ง งบประมาณจำนวน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวขอบคุณ เหล่ากาชาดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้จัดทำโครงการ"ซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภก สภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567" ซึ่งโครงการนี้ นับว่ามีประโยชน์ต่อผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทำให้ผู้ด้อยโอกาสมีที่อยู่อาศัยที่คงทนถาวร สามารถป้องกันอันตราย ที่มีต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองได้ อีกทั้ง ยังก่อให้เกิดความสามัคคีปรองดองขึ้นในพื้นที่ ดังจะเห็นได้จาก การให้การสนับสนุนและบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในพื้นที่อำเภอดอนสักเพื่อก่อสร้างบ้านหลังนี้ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และส่งผลให้บุคคลทั่วไป ได้ตระหนักถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถือเป็นการส่งเสริมให้สังคมไทย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและกัน.