. รองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (ก.ช.ภ.จ.สฎ.) ครั้งที่ 6/2566
วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมนางยวน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ก.ช.ภ.จ.สฎ.) ครั้งที่ 6/2566 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
โดยในการประชุมในครั้งนี้ได้รับรองรายงานการประชุม ก.ช..จ.สฎ.ครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ซึ่งมติที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช และด้านการดำรงชีพ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 109,109.08 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด รายละเอียดดังนี้
ด้านการดำรงชีพ กรณีเกิดวาตภัยและคลื่นลมแรง ในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีผู้ประสบภัย จำนวน 2 ราย วงเงินช่วยเหลือ 82,200 บาท
ด้านพืช กรณีเกิดวาตภัย ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลนาใต้ และหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนาเดิม พื้นที่เสียหาย 0.75 ไร่ เกษตรกร 2 ราย วงเงินช่วยเหลือ 3,036 บาท และหมู่ที่ 9 ตำบลวัดประดู่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พื้นที่เสียหาย 2.6475 ไร่เกษตรกร 3 ราย วงเงินช่วยเหลือ 10,717.08 บาท และหมูที่ 3 ตำบลกรูด อำเภอพุนพิน พื้นที่เสียหาย 3.25 ไร่ เกษตร 2 ราย วงเงินช่วยเหลือ 13,156 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26,909.08 บาท
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้พิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยช้างป่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลช้างซ้าย อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4 คน 1 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายสวนปาล์มน้ำมันประมาณ 15 ไร่ และพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช(วาตภัย) ในพื้นที่อำเภอบ้านนาเดิม กรณีพืชตายหรือเสียหายโดยสิ้นเชิง เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 1 ราย พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 2 ไร่วงเงินขอรับความช่วยเหลือ 8,096 บาท โดยขอสนับสนุนงบประมาณจากเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงพิจารณาช่วยเหลือ กรณีเรือประมงประสบภัยธรรมชาติขณะทำการประมงเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 ขอรับความช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการกู้เรือและค่าซ่อมแชมพร้อมอุปกรณ์ในเรือ เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท โดยขอสนับสนุนงบประมาณจากกรมประมง.
