วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 08.30 น.
นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้สัมภาษณ์สดในรายการ "ผู้ว่าฯ คุยกับประชาชน" ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเวลา 08.55 น. รายการ “แหลงข่าวชาวใต้” ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ มีประเด็นการสัมภาษณ์ ได้แก่ ประเด็นแรก ปัญหามลพิษทางอากาศ จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ส่วนใหญ่ส่งผลกระทบในพื้นที่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจังหวัด ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน คือ ค่าเฉลี่ยสูงกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึง จังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ มีสภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.66) มีค่าเฉลี่ยของค่าฝุ่นละออง อยู่ที่ 9 – 21 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ยังคงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ ได้ช่วยกัน ลดสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 กันต่อไป เพราะสถานการณ์เช่นนี้ ก็ถือเป็นโอกาสของภาคใต้ ที่จะมีนักท่องเที่ยว เลี่ยงจากมลพิษ เข้ามามากขึ้น และเป็นผลดีกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ด้วย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงขอความร่วมมือประชาชน ช่วยกันป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่ต้นทาง ประกอบด้วย 1) การงดเผาวัชพืชและเศษวัสดุในภาคการเกษตร เรื่องนี้ ทุกหน่วยงาน รวมถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็ได้มีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้เกษตรกรหันมาใช้วิธีไถกลบเศษซากพืช ตอซังข้าว นำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูป เป็นปุ๋ย ลดภาระเกษตรกร ทั้งยังเป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุ ปรับปรุงคุณภาพดิน อีกทั้ง การเผาวัชพืชในพื้นที่การเกษตร หากไม่ควบคุมและป้องกันให้ดี ก็อาจจะลุกลามไปยังพื้นที่ของผู้อื่นหรือที่สาธารณะ ซึ่งมีความผิดอีกด้วย 2) การแก้ปัญหา PM 2.5 ภาคการขนส่ง ด้วยการกวดขันตรวจจับรถควันดำ พร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนนำรถเก่าเข้าตรวจสภาพ ส่วนรถบรรทุก ตั้งรถกระบะขึ้นไป ก็จะมีกฎหมายควบคุม เรื่องมลพิษ ซึ่งต้องตรวจควันดำก่อนต่อทะเบียน 3) การแก้ปัญหา PM 2.5 ภาคอุตสาหกรรม เรื่องนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจและบังคับใช้กฎหมายกับโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด ลดการปล่อยมลพิษจากการประกอบกิจการ
ประเด็นที่ 2 ความคืบหน้าของการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เปิดโอกาสให้ประชาชน ได้พิจารณาและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดแบ่งเขตการเลือกตั้งใน 3 รูปแบบ ขณะนี้ ได้มีการสรุปความคิดเห็นส่งไปยัง คระกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อพิจารณา ซึ่งตามไทม์ไลน์ ก็จะพิจารณาเสร็จสิ้นภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนจะมีการประกาศเขตเลือกตั้ง อย่างเป็นทางการ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นอีก 1 คน จากเดิมที่มีอยู่ 6 คน จะเพิ่มเป็น 7 คน ซึ่งจะส่งผลให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีโอกาสได้รับการพัฒนามากขึ้น และมีตัวแทนจากประชาชนเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร หรืออาจจะมีรัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่จะนำการพัฒนาเข้ามาสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ประเด็นที่ 3 ปัญหาการทุจริต โครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนแห่งหนึ่งในเกาะสมุย รายงานเบื้องต้น ระบุว่า โรงเรียนดังกล่าว เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล - มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีครูและบุคลากรทางการศึกษาประมาณ 30 คน ได้รับงบประมาณการจัดอาหารกลางวันแก่เด็กอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวม 491 คน อัตราวันละ 22 บาท รวม 10,802 บาท ต่อวัน ส่วนนักเรียนชั้น ม.1-ม.3 อีก 60 คน ซึ่งไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณอาหารกลางวัน จะมีการเก็บเงินค่าอาหารกลางวัน คนละ 20 บาทต่อวัน ส่วนคุณครู สมทบคนละ 300 บาท ต่อเดือน เพื่อในไปรวมกับงบประมาณอาหารกลงวันที่ได้รับจัดสรรจากกระทรวงฯ เพื่อทำอาหารกลางวัน แต่พบว่า เงินส่วนที่เก็บเพิ่มเติม จากนักเรียนมัธยมและครู ไม่ได้นำมารวมทำอาหารกลางวัน แต่ละวัน และมีการทำบัญชีแยกจากเงินโครงการอาหารกลางวัน นำมาใช้ทำอาหารกลางวันแค่บางครั้ง ทำให้คุณภาพอาหารและปริมาณ ไม่เป็นไปตามโปรแกรมไทยสกูลลั้นช์ (Thai School Lunch)
ขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นการสรุปข้อเท็จจริง เสนอต่อกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง และเตรียมพิจารณาย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนออกจากพื้นที่ระหว่างการสอบสวน จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยหากกรณีนี้ทำผิดจริง ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีนโยบายให้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคน ได้กวดขัน ตรวจสอบ โรงเรียนในอำเภอที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องปราม การทุจริตในทุกรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารที่ดี เพียงพอ มีกระบวนการเรียนรู้ อย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการของร่างกายและสมอง ของลูกหลาน ชาวสุราษฎร์ธานี
และประเด็นที่ 4 กิจกรรมท่องเที่ยวในเดือนมีนาคม 2566 โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ภายใต้โครงการ 1 จังหวัด 1 sport event ในหลายกิจกรรม หลายพื้นที่ ประกอบด้วย 1) กิจกรรมวิ่งปั่นพาย บาย บาย @ดอนสัก เพื่อเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของอำเภอดอนสัก ประกอบด้วย วันที่ 12 มีนาคม กิจกรรมวิ่ง สาด สี ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากจุดเริ่มต้นที่เกาะแรต ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และครั้งที่ 2 ของประเทศไทย ที่นักวิ่ง จะได้สนุกสนานด้วยการวิ่งผ่านอุโมงค์สี ทุกระยะ 1 กิโลเมตร พร้อมด้วยเสียงเพลง ตลอดเส้นทาง วันที่ 19 มีนาคม กิจกรรม ปั่น พาย ที่บริเวณหาดนางกำ อำเภอดอนสัก โดยการปั่นจักรยาน จะเป็นประเภททัวร์ริ่ง ระยะ 42 กิโลเมตร และจะมีจุดเช็คพ้อยต์ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อร่วมกิจกรรม หา RC เล่นเกมส์ ประจำทุกจุด และกิจกรรมทางน้ำ จะเป็นการพายซัพบอร์ด 2) การแข่งขันตกปลา ในกิจกรรมเปิดโลกทะเลท่าชนะ ระหว่างวันที่ 17 – 19 มีนาคม 2566 ซึ่งจะมีการฝึกอบรมการใช้งานและเปิดรับขึ้นทะเบียนสอบใบอนุญาตผู้ใช้เรือ รวมถึง มีบริการตรวจสภาพเรือ แก่ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 3) การแข่งขันเปตอง สุราษฎร์ธานี โอเพ่น ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2566 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี และ ประเภทโอเพ่น 4) หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่ม YEC (ผู้ประกอบการรุ่นใหม่) สุราษฎร์ธานี ร่วมกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี และภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงาน “สุราษฎร์ฟู้ดแฟร์ 2023” ระหว่างวันที่ 10 – 18 มีนาคม 2566 (9 วัน) เวลา 16.00 – 22.00 น. ณ บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบครับ
. 
