Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

รมช.พาณิชย์ สุชาติ ชมกลิ่น มั่นใจ ตลาดส่งออกน้ำมันปาล์มยังสดใส และแนวโน้มราคาผลผลิตกำลังปรับตัวดีขึ้น ฝากเกษตรกรทำปาล์มคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศ

 

วันที่ 16 มิถุนายน 2567

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาปาล์มน้ำมัน และ สินค้าเกษตร โดยได้เข้าตรวจเยี่ยมที่ บริษัท พี.เค.มารีนเทรดดิ้ง จำกัด ในเครือบริษัทเพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)

โดยมีนายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับ พร้อมประชุมหารือถึงสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมัน หลังสมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานี ได้รับเรื่องร้องเรียนถึงความเดือดร้อนในเรื่องราคาปาล์มตกต่ำ ในช่วง 3-4 อาทิตย์ที่ผ่านมา จึงได้สั่งการอธิบดีกรมการค้าภายใน และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาแก้ไขปัญหา ซึ่งการลงมาครั้งนี้ ถือเป็นการติดตามผล โดยล่าสุดทราบว่าราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันเริ่มปรับตัวดีขึ้น อยู่ที่ประมาณ 5 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องแก้ไขเรื่องของคุณภาพผลผลิตที่จะเข้าสู่โรงงาน ซึ่งหากเกษตรทำปาล์มคุณภาพ ผลผลิตปาล์มที่เข้าสู่โรงงานดี เปอร์เซ็นน้ำมันสูงขึ้น โรงงานอยู่ได้ เกษตรกรอยู่ได้ ซึ่งกรมการค้าภายใน ก็ได้สนับสนุนงบประมาณ มาฝึกอบรมพัฒนาการเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มให้ได้คุณภาพให้เก็บเกษตรกร

ส่วนการมาพบปะภาคเอกชน บริษัท พี.เค.มารีนเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นคลังน้ำมันปาล์ม และท่าเทียบเรือส่งออกน้ำมันปาล์ม ที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งรายใหญ่ของประเทศ ก็เป็นการหารือถึงการขับเคลื่อนการส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ไปเปิดตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนและประเทศอินเดีย เพื่อเพิ่มปริมาณการรับซื้อตลาดน้ำมันปาล์ม ซึ่งถ้าเราเพิ่มตลาดส่งออกได้ เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มซึ่งเป็นต้นน้ำก็ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาปาล์มจะตกต่ำอีก
นายสุชาติฯ ย้ำว่า ”ขณะนี้สถานการณ์การส่งออกน้ำมันปาล์มสดใส ยังมีความต้องการปริมาณน้ำมันปาล์มทั่วโลก โดยกระทรวงพาณิชย์ มุ่งเป้าการส่งออกให้มาโฟกัสที่ตลาดอินเดีย และตลาดใหญ่ทุกประเทศเพื่อรองรับการส่งออก ที่จะช่วยให้ราคาปาล์มเพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งสำคัญ ต้องขอฝากเกษตรกรให้เรียนรู้และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำปาล์มคุณภาพและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภาคใต้ทุกท่าน ก็คอยดูแลสินค้าปาล์มน้ำมัน และกระทรวงพาณิชย์ จะได้ติดตามสถานการณ์ปัญหาและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์ม พบว่า ณ เดือนพฤษภาคม 2567 ปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบภาพรวม อยู่ที่ประมาณ 0.12 ล้านตัน และปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย โดยปัจจัยบวกที่สำคัญคือ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข็งขันกับ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจุบันผู้นำเข้านำ้มันปาล์มดิบที่สำคัญของไทย ได้แก่ อินเดีย

จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางต่อ ไปยังเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี พบปะผู้ประกอบการสวนทุเรียน เพื่อรับฟัง ปัญหา อุปสรรค พร้อมหารือแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและถวายพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ตามที่บริษัท ออโต้เอ็กซ์ จำกัด และบริษัทบ้านสวยกรุ๊ป จำกัด


วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐น. ณ มณฑลพิธีวัด ตะกรบ ตำบลตะกรบ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและถวายพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ตามที่บริษัท ออโต้เอ็กซ์ จำกัด และบริษัทบ้านสวยกรุ๊ป จำกัด ได้ถวายพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาขนาดหน้าตัก ๑๒๐ นิ้ว มีน้ำหนัก ๒๘ ตัน และในการนี้วัดตะกรบ จึงได้มีการจัดพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และถวายพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาสักการะและน้อมนำคำสอนของพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติให้เกิดความผาสุก ความเจริญขึ้นในชีวิต

ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยคณะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว

 

วันนี้ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุมตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 4

นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยหม่อมหลวง ปุณฑริก สมิติ ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทิฆัมพร ยะลา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสิริน ชาวเพ็ชรดี ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 3 และคณะ ได้ร่วมประชุมถกปัญหาและอุปสรรคร่วมกับกอ.รมน.ภาค 4 และหน่วยงานใน 5 จังหวัดภาคใต้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) เร่งพัฒนากฎหมายให้ทันการณ์ ป้องปรามความเสียหายจากทุนต่างชาติ

นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำลังศึกษาแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีปัญหาการถือครองหรือครอบครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์โดยตัวแทนอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงระบบโดยการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง หรือการตรากฎหมายเกี่ยวกับตัวแทนอำพรางหรือนอมินีขึ้นมาเป็นการเฉพาะเพื่อสร้างมาตรการป้องกันและลงโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่โดยเร็ว ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ ณ เกาะสมุย พบว่าบริเวณยอดเขาและเชิงเขาหลายจุด เต็มไปด้วยวิลล่าหรู บ้านพักปลูกสร้าง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ครอบครองของชาวต่างชาติทั้งจีน เยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส ที่ดำเนินกิจกรรมในนามบริษัทนิติบุคคลโดยใช้ชื่อนอมินีชาวไทยมาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ทำธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ แล้วปัญหาลักษณะนี้พบได้มากในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ซึ่งมีภูมิประเทศที่สวยงามและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเป็นที่หมายตาของทุนต่างชาติ ในวันนี้จึงได้ประชุมระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากนายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พลตรี ศุภชัย ปรีชามาตร รอง ผอ.รมน.ภาค 4 และคณะ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานที่ดินจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานสรรพากรพื้นที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สำนักงานจังหวัด สถานีตำรวจภูธร และเทศบาล จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอีก 4 จังหวัดภาคใต้ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ และประจวบคีรีขันธ์ ที่ร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom มาด้วย

ทั้งนี้แนวทางการแก้ไขปัญหานอมินีของผู้ตรวจการแผ่นดินขณะนี้ คือ การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น หรือระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้า รวมทั้งแก้ในระยะต่อไปท้้งระบบได้แก่ 1) วางแนวทางและหลักการในเรื่องนี้ โดยในระยะเร่งด่วนมุ่งหยุดการแพร่กระจาย (Freeze) การถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยเร่งดำเนินคดีและใช้มาตรการในเชิงป้องปราม ในระยะต่อไป เร่งขยายกฎหมายให้ครอบคลุมกรณีอื่น ๆ ให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน เสนอแนะให้มีการแก้ไขทั้งระบบทั้งการป้องกัน การติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และการแก้ไขฎหมาย 2) มาตรการตรวจสอบและควบคุมถึงการลงทุนและการบริหารจัดการของคนต่างด้าวในรูปแบบของนิติบุคคลไทยที่เข้าถือครองที่ดิน 3) มาตรการควบคุมการจดทะเบียนนิติกรรมที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองโดยนิติบุคคลสัญชาติไทยที่มีคนคนต่างด้าวถือหุ้นหรือลงทุน 4) การบูรณาการร่วมกันทั้งในระดับนโยบายทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้เป็นกลไกแบบบูรณการที่สำคัญในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ 5) การสร้างแรงจูงใจในการเฝ้าระวังการกระทำผิดของคนต่างด้าว ให้แก่คนไทย 6) มาตรการกำหนดเขตที่ดิน (Zoning) แบบเฝ้าระวัง 7) การแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในนิยามคำว่า “คนต่างด้าว” ให้ครอบคลุมถึงอำนาจในการบริหารจัดการเหนือนิติบุคคลของคนต่างด้าว และสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนอำนาจในการบริหารจัดการการดำเนินการของนิติบุคคลนั้น 😎 ในการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ อย่างแรก คือ จะมีข้อเสนอแนะให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนซึ่งมีอยู่หลายฉบับ และอีกลักษณะหนึ่ง คือ เสนอแนะให้มีการยกร่างกฎหมายกลางที่เกี่ยวกับตัวแทนอำพรางและการทำธุรกรรมอำพรางโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในเรื่องนี้” นายทรงศัก กล่าวปิดท้าย

สุราษฎร์ธานีจัดพิธีมอบกล้าไม้ภายใต้โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

 

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 น.ณ อาคารศูนย์การประชุมสัมมนาภาคใต้ตอนบน ศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธาน การพัฒนางานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 6 รอบหรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่งด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ องค์กร มูลนิธิ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้น้อมนำแนวพระราชดำริพระราชปณิธาน และพระบรมราโชบายเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้อยู่ดีมีสุข ร่วมกันดำเนินโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นโครงการ ลำดับที่ 2 จาก 10 โครงการ ในการแสดงถึงพลังแห่งความจงรักภักดี และความสามัคคีของปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลยิ่งนี้

ทั้งนี้จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ในการดำเนินโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 คัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกต้นไม้และปลูกป่า ประกอบด้วย สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษาที่สาธารณะ ศาสนสถาน พื้นที่ของเอกชน และพื้นที่อื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมในป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และป่าชายเลน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!