จังหวัดสุราษฎร์ธานีนำเสนอผลการดำเนินงานจังหวัด ชมรม To be number one ระดับภาคใต้ ประจำปี 2568 ร่วมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มุ่งหวังเพื่อแก้ปัญหาเยาวชนผู้เสพในพื้นที่ต้องลดลง

วันที่ 7 มีนาคม 2568

นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายแพทย์สำเนียง แสงสว่าง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมนำเสนอผลการดำเนินงานจังหวัด To be number one ระดับจังหวัดภาคใต้ ประจำปี 2568 ณ โรงแรมไดมอนด์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจน ในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มุ่งหวังเพื่อแก้ปัญหาเยาวชนผู้เสพในพื้นที่ต้องลดลง

นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เน้นย้ำการดำเนินงานตามนโนบาย และประกาศเจตนารมณ์ให้ทุกอำเภอเป็นอำเภอ TO BE NUMBER ONE 100 % และร่วมสร้างชมรม TO BE NUMBER ONE ในทุก Setting ให้เป็นชมรมต้นแบบระดับประเทศ และมีการประชุมติดตามผลการดำเนินงานในเวทีความมั่นคงทุกเดือน โดยปี 2568 พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพอำเภอและชมรม ส่งเข้าประกวดระดับภาค ครบทุกประเภท รวม 35 ชมรม และพร้อมก้าวสู่ระดับประเทศทุกชมรม โดยมอบหมายนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด จัดทำแผนงานบูรณากาการ สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่าย ดำเนินงานครอบคลุมทุกกิจกรรมตามแนวทาง 3 ยุทธศาสตร์หลักโครงการ ด้วยแผนการดำเนินงานระยะยาว 3 ปี แผนระยะสั้น 1 ปี โดยอนุมัติงบพัฒนาจังหวัดกว่า 3,400,000 บาท เป้าหมายเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาเยาวชน ประชาชน ตามพระดำริองค์ประธาน โดยดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว คิดเป็นร้อยละ 50 ของกิจกรรมทั้งหมด

ทางด้านนายแพทย์สำเนียง แสงสว่าง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะเลขานุการโครงการฯ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานโครงการใครติดยายกมือขึ้น ดำเนินการตามขั้นตอนเป็นระบบ ด้วยการคัดกรอง ให้คำปรึกษา พัฒนา ติดตาม และต่อยอด ดำเนินการในสถานศึกษา 219 แห่ง สถานประกอบการ 210 แห่ง หน่วยงานราชการ 4 แห่ง พบผู้เสพจัดเป็นผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษา 1,381 คน มุ่งเน้นการบำบัดในรูปแบบ CBTX ชุมชนล้อมรัก หลังการบำบัดในกลุ่มนักเรียนได้กลับเข้าศึกษาต่อ 100 % กลุ่มวัยแรงงานได้รับการส่งเสริมพัฒนาให้มีอาชีพ มีรายได้ และสร้างคุณค่าเสริมพลังใจด้วยการเป็นสมาชิก TO BE NUMBER ONE 100 % ในชุมชน มีการจัดทำ MOU ระหว่างเยาวชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสพหลังการบำบัด กับผู้นำชุมชน ผลการติดตาม ร้อยละ 86 ไม่กลับไปเสพซ้ำ