วันที่ 16 พฤศจิกายน 2599 ณ ห้องประชุมตาปี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา กรณีเกษตรกรทูลเกล้าฯถวายฎีกา เนื่องจากได้รับความเดือนร้อนจากการสร้างอ่างเก็บน้ำบางลอ ตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วมประชุม
ในการนี้ ที่ประชุมได้พิจารณา กรณีประเด็นข้อพิพาท เรื่อง เกษตรกรทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา เนื่องจากได้รับความ เดือดร้อนจากการสร้างอ่างเก็บน้ำบางลอ ตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามข้อเสนอตามการสอบสวนเชื่อได้ว่า ที่ดินของราษฎรทั้ง 10 ราย เป็นที่ดินที่มีการครอบครองของราษฎรเดิมก่อนมีการจัดตั้งจัดตั้งนิคมสร้างตนเอง ในท้องที่อำเภพระแสง และกิ่งอำเภอชัยบุรี อำเภอ พระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ.2536 ซึ่งราษฎรได้ทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนปี พ.ศ.2536 โดยส่วนใหญ่ได้ทำการเกษตรปลูกปาล์ม โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบางลอ ตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โครงการชลประทนสุราษฎร์ธานี สำนักงานชลประทานที่ 1 สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาอำเภอพระแสงและนิคมสร้าง ตนเองพระแสง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเวนคืนที่ดินของราษฎร พบว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏหลักฐานหรือเอกสารอื่นใดหรือกฎหมายที่กี่ยวข้องว่าได้ของราษฎร หรือให้ที่ดินทดแทนแกราษฎเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวสร้างโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเด็นการเรียกร้องการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำบางลอ ตำบลไทรขึง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนฟังได้ว่าราษฎรทั้ง 10 ราย มีความประสงค์ที่จะไปฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ทั้งนี้ คณะกรรมการมีความเห็นว่าความเดือดร้อนดังกล่าว ประชาชนทั้ง 10 ราย ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายตามมาตรา 42 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 และเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะพิจารณาพิพากษาคดีตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2452 ทั้งนี้ราษฎรผู้เดือดร้อน 4 ราย ได้ไปยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครองและศาลปกครองได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว.//สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี