วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เวลา 9:30 น. ณ องค์การบริหารส่วนตำบลพรุไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลพรุไทยหลังใหม่ ซึ่งก่อสร้างทดแทนหลังเก่าที่มีขนาดเล็กและทรุดโทรม โดยมีนายอำเภอบ้านตาขุน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นต่างๆ ในอำเภอบ้านตาขุน ภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก โดยภายในมีการจัดนิทรรศการของวิสาหกิจชุมชนในตำบลพรุไทย ที่นำมาแสดงให้ผู้ที่เข้างานได้ชม
ตำบลพรุไทย เดิมชื่อ ตำบลพรุสยาม อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอท่าขนอน (ปัจจุบันคืออำเภอคีรีรัฐนิคม) ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อตำบลเป็น ตำบลพรุไทย เมื่อปี พ.ศ.2482 โดยมีหมื่นสัมฤทธิ์ เป็นกำนันคนแรก และได้มียกตำบลพรุไทย ตำบลเขาวง ตำบลเขาพัง และตำบลไกรสร ตั้งเป็นกิ่งอำเภอบ้านตาขุน เมื่อปี พ.ศ. 2516 และยกฐานะเป็นอำเภอบ้านตาขุน เมื่อปี พ.ศ. 2519
อบต.พรุไทย ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างอาคาร จำนวน 8 ล้านกว่าบาท เพื่อทดแทนอาคารหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งอาคารหลังใหม่เป็นแบบ 2 ชั้นเพื่อไว้รองรับการใช้บริการของประชาชนและบุคคลทั่วไป ตลอดจนรองรับการขยายตัวของชุมชนและอำนวยความสะดวกในการรับบริการสาธารณะต่างๆ นอกจากนี้อาคารหลังดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณอีกส่วนหนึ่งมาจากผู้นำชุมชน ประชาชนในหมู่บ้าน บริษัท ห้างร้าน ร่วมกันสมทบทุนในการก่อสร้างดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างและตกแต่งไม่น้อยกว่า 12 ล้านบาท
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้กล่าวชื่นชมยินดีกับ อบต.พรุไทย ที่ได้ก่อสร้างอาคารสถานที่ทำงานที่ได้ก่อสร้างอาคารที่ทำงานแห่งใหม่นี้สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน ซึ่งนับว่ามีความสำคัญในด้านขวัญกำลังใจเป็นอย่างมากต่อผู้ปฏิบัติงาน เพราะเป็นนิมิตหมายถึงการอยู่เย็นเป็นสุขและความเจริญก้าวหน้า ซึ่งก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง ดังนั้น การที่ อบต.พรุไทยได้สร้างอาคารหลังใหม่ขึ้นเสร็จแล้ว และมีการทำบุญ และจัดให้มีพิธีเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ นับว่าเป็นประเพณีปฏิบัติที่ดีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ผู้บริหาร สมาชิกสภา อบต. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกท่าน และขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยามเทวาธิราช พระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินี โปรดดลบันดาลให้องค์การบริหารส่วนตำบลพรุไทย ดำเนินงานไปด้วยความราบรื่นและสัมฤทธิ์ผล อำนวยความสะดวกในการให้บริการสาธารณะต่างๆ อย่างยั่งยืนสืบไป