วันที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 13.30 น.

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดและ ศูนย์ปภ.เขต 11 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ระดับน้ำที่มีฝนตกหนัก จากประกาศเตือนกรมอุตุนิยมวิทยา โดยไปที่หมู่ที่ 1 ต.ป่าร่อน และหมู่ที่ 10 ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ เนื่องจากพื้นที่ ต.ป่าร่อน จะรับน้ำจากหมู่ที่ 10 บ้านปากฮาย ต.คลองสระ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ว่าที่ร้อยโทสมชาย เรืองจันทร์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้เตรียมจุดอพยพไว้ที่ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่10 บ้านปากฮาย โดยมีศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ 4 ประจำพื้นที่ภาคใต้ เตรียมรถบรรทุกและกำลังพลไว้พร้อมอพยพราษฎร จากนั้น ไปยังพื้นที่หมู่ 4 บ้านหน้าซึง ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง ซึ่งท้องที่หมู่ 1,2,3,4,5 เป็นพื้นที่เสี่ยงดินถล่ม และ ต.เสวียด ต.ท่าเคย ต.คลองไทร เป็นพื้นที่น้ำป่าไหลหลาก นายถาวร พรหมฉิม นายอำเภอท่าฉาง ได้เตรียมจุดอพยพไว้ที่โรงเรียนบ้านหน้าซึง โดยมีกำลังทหารกองบิน 7 ได้นำเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทธโธปกรณ์ เตรียมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ “ ฝากความห่วงใยไปยังประชาชนในพื้นที่ว่า ผมและทีมงานเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมช่วยเหลือทุกคนให้ได้รับความปลอดภัย โดยมีกำลังทหารเข้าประจำในพื้นที่หมู่บ้านจุดเสี่ยงพร้อมอพยพประชาชนทันทีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยคำนึกถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ” นายวิชวุทย์ กล่าว

ณ ห้องประชุมนางยวน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

วันที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 09.30 น.

นายสาโรช กาญจนพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 12/2563 เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการบริหารงานพนักงานส่วนตำบล และรับทราบปัญหา อุปสรรค ในการปฏิบัติราชการขององค์การบริหารส่วนตำบล หรือองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่อำเภอต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการบริหารงานบุคคลในสังกัด อบต. ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลองค์การบริหารส่วนตำบล และตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ การออกคำสั่งกรณีพนักงานส่วนตำบลและพนักงานจ้างขอลาออก จำนวน 6 ราย , กรณีการออกคำสั่งจ้างและทำสัญญาจ้างบุคคลเป็นพนักงานจ้าง จำนวน 19 ราย , ให้ความเห็นชอบปรับปรุงตำแหน่งพนักงานจ้างทั่วไปเป็นพนักงานจ้างตามภารกิจและออกคำสั่งแต่งตั้งผู้ครองตำแหน่งเดิมให้ดำรงตำแหน่งใหม่ จำนวน 1 ราย , ให้ความเห็นชอบออกคำสั่งกรณีการโอนพนักงานส่วนตำบล จำนวน 26 ราย , ให้ความเห็นชอบออกคำสั่งกรณีรับโอนข้าราชการประเภทอื่นเข้าแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนตำบล จำนวน 4 ราย , ให้ความเห็นชอบออกคำสั่งกรณีการเลื่อนและแต่งตั้งพนักงานส่วนตำบลให้ดำรงตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น จำนวน 6 ราย , ให้ความเห็นชอบออกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งพนักงานครูองค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้นจำนวน 4 ราย และให้ความเห็นชอบขอกลับเข้ารับราชการของพนักงานส่วนตำบล 1 ราย ในการนี้ นายสาโรช กาญจนพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เน้นย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี บริหารงานด้วยความถูกต้อง โปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป.

ณ ห้องประชุมนางยวน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

วันที่ 24 ธันวาคม 2563

นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 5 จังหวัด ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ก.บ.ก.) ครั้งที่ 7/2563 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล เพื่อติดตามผลการดำเนินแผนงาน/โครงการ และพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการในคำขอตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เพื่อประสิทธิภาพในการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทั้งนี้สืบเนื่องจากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้รับการประสานจากทีมบูรณาการกลาง ให้มีการปรับเปลี่ยนโครงการในคำขอตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการพัฒนาเชิงพื้นที่ ประกอบด้วย 1.โครงการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และจังหวัดพัทลุง งบประมาณ 48,300,000 บาท 2.โครงการเพิ่มศักยภาพกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยสู่การเป็นจุดมุ่งหมายในการพำนักระยะยาว (Long Stay) ของนักท่องเที่ยว งบประมาณ 5,000,000 บาท 3.โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมโคเนื้อ/โคขุนศรวิชัย : Sriwichai Beef งบประมาณ 62,108,900 บาท โดยให้มีการรวมกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาระบบฟาร์ม พันธุ์สัตว์ การจัดการสุขภาพสัตว์ และกิจกรรมการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่ออบรมให้ความรู้ในบางส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อที่จะนำวัสดุอุปกรณ์ เช่น อุปกรณ์น้ำเชื้อไปดำเนินการเกี่ยวเนื่องกับการฝึกอบรมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินการ และ 4.โครงการอนุรักฟื้นฟูระบบนิเวศน์และแหล่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน งบประมาณ 30,000,000 บาท โดยโครงการนี้ขอให้เพิ่มพื้นที่ในการดำเนินการเพิ่มเติมในจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา และเพิ่มงบประมาณเพื่อเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนา ในลักษณะ Cluster หรือตอบสนองนโยบายสำคัญของรัฐบาลเชิงพื้นที่ ที่ครอบคลุมอย่างแท้จริง.

ณ ห้องประชุมตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี