Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

การประชุม คณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1/2566

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุมเมืองคนดี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 5

     นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุม คณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะพะงันจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2558 โดยเทศบาลตำบลเพชรพะงันได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเกาะพะงัน ว่าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2566 ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 3 ชั้น ขนาดอาคาร 4,382 ตารางเมตร วงเงินงบประมาณ 110,035,900 บาท ในโฉนดที่ดินเลขที่ 9248 เล่ม 93 หน้า 48 ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยที่ดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง) ตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะพะงัน พ.ศ. 2558 ซึ่งตามข้อกำหนดข้อ 7 วรรคแรกและวรรคสี่ (1) ให้ดำเนินการหรือประกอบกิจการได้ในอาคารที่มีพื้นที่ทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 1,000 ตารางเมตรและมีความสูงไม่เกิน 12 เมตร ทำให้ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างอาคารของโรงพยาบาลเกาะพะงันได้
เทศบาลตำบลเกาะพะงัน ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ผู้มีอำนาจดำเนินการวางผังจึงขอแก้ไขกฎกระทรวงผังเมืองรวมชุมชนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 เพื่อให้สามารถสร้างอาคารของโรงพยาบาลได้ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แก้ไขกฎกระทรวงให้สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลเกาะพะงันได้ โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะนำเอามติของคณะที่ปรึกษาไปดำเนินการเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาด้านผังเมืองของกรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาให้ความเห็นต่อไป

การประชุมคณะทำงานสำรวจและทำรายงานสิ่งปลูกสร้าง ครุภัณฑ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบอื่นในจังหวัด

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมเมืองคนดี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 5

        นายชูศักดิ์  รู้ยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานประชุมคณะทำงานสำรวจและทำรายงานสิ่งปลูกสร้าง ครุภัณฑ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบอื่นในจังหวัด ซึ่งไม่มีการดูแล บำรุงรักษา ไม่มีการใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ รวมทั้งที่ชำรุดทรุดโทรมไม่อาจใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่จัดซื้อจัดจ้างมา โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่าพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 สิงหาคม 2565 มาตรา 62 กำหนดว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสำรวจและทำรายงานสิ่งปลูกสร้าง ครุภัณฑ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบอื่นในจังหวัด ซึ่งไม่มีการดูแล บำรุงรักษา ไม่มีการใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ รวมทั้งที่ชำรุดทรุดโทรม จนไม่อาจใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่จัดซื้อจัดจ้างมา โดยแยกเป็นประเภท และระบุหน่วยงานผู้จัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานผู้ปกครอง ดูแล บำรุงรักษา หรือใช้ประโยชน์ และสาเหตุที่ก่อให้เกิดสภาพดังกล่าว พร้อมข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาแล้วแจ้งให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) มีมติที่ประชุม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เห็นชอบแนวทางการสำรวจสินทรัพย์ระดับจังหวัด ดังนั้น เพื่อให้การเพื่อให้การสำรวจและทำรายงานสิ่งปลูกสร้าง ครุภัณฑ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบอื่นในจังหวัด ซึ่งไม่มีการดูแล บำรุงรักษา ไม่มีการใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ รวมทั้งที่ชำรุดทรุดโทรมจนไม่อาจใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่จัดซื้อจัดจ้างมาของจังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานฯ ขึ้น และเชิญประชุมเพื่อรับทราบแนวทางปฏิบัติพร้อมกัน ก่อนจะรวบรวมผลการสำรวจฯ ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อรายงานกระทรวงมหาดไทยต่อไป

การประชุมคณะกรรมการป้องกันและหยุดยั้งการบุกรุกที่ดินในเขตป่าชายเลน ครั้งที่1/2566

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566  เวลา 13.30 น. ณ.ห้องประชุมนางยวน ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและหยุดยั้งการบุกรุกที่ดินในเขตป่าชายเลน ครั้งที่1/2566 เพื่อพิจารณาการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่คาบเกี่ยวบริเวณที่ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 และวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 5 ราย 6 แปลง ดังนี้ 1.รายนางนัน ทิยา เพชรมีศรี ขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน น.ส.3 หมู่ที่ 4 จำนวน 1 แปลง ,2.รายนางชุติมล ขวัญบุศบงศ์ ขอออกโฉนดจากหลักฐาน น.ส.3 จำนวน 2แปลง ,3.รายนายภาสกร ชัยจุกรณ์ ขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน น.ส.3 หมู่ที่ 5 จำนวน 1 แปลง,4.รายนายวีระยุทธ บุตรสุข ขอออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน น.ส.3 หมู่ 4 จำนวน 1แปลง,5.รายนางสาว ลลิตา ศิริภักดี ขอออกโฉนดที่ดินตามหลักฐาน น.ส.3 ก.จำนวน 1 แปลง
โดยที่ประชุมได้พิจารณาเห็นว่าสภาพที่ดินขณะออกไปทำการตรวจสอบพื้นที่ ทั้ง 5 ราย 6 แปลง ไม่มีสภาพเป็นป่าชายเลน ผู้ขอมีเอกสารสิทธิ และทำประโยชน์ในที่ดินก่อนวันประกาศเขตป่าชายเลน ทั้งนี้เพื่อส่งเรื่องดังกล่าวให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี พิจารณาดำเนินการออกโฉนดที่ดินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
    

การประชุมการสร้างมาตรการองค์กรสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 น.  ณ ห้องประชุมนางยวน ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมการสร้างมาตรการองค์กรสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในศูนย์ราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหน่วยงานภายในที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และหน่วยงานภายนอกประกอบด้วย สภ.เมืองฯ ศูนย์ ปภ.เขต 11 สฎ. รร.สุราษฎร์ธานี ว.เทคนิคสุราษฎร์ธานี และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวม 35 คน เพื่อสร้างมาตรการองค์กรสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ให้มีความยั่งยืนเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุหัวฟาดพื้นแตกตาย อาการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ พร้อมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตนตามกฎหมายจราจร สรุปประเด็น ดังนี้

  1. ให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ กับบุคลากรในหน่วยงานทุกคน และกำหนดบทลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ
  2. ให้ป้องกันจังหวัด มอบหมายเจ้าหน้าที่ อส. ประจำด้านหน้าป้องยามประตู คัดกรองตักเตือน และจดบันทึกชื่อผู้ฝ่าฝืนกฎระเบียบ
  3. ปรับช่องทางเข้าประตูเป็น 2 ช่องทาง คือ ช่องรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ ให้มีความสะดวกในการคัดกรอง และห้ามรถเข้าทางประตูทางออก
  4. ให้มีการสุ่มตรวจบังคับใช้กฎหมาย โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฯ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือตามความเหมาะสม
  5. ให้มีการตรวจสอบจากกล้อง CCTV และมอบหมายเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรตนเอง เป็นผู้ตรวจสอบพฤติกรรมสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ในองค์กรตนเอง (อาสาตาจราจร)



Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!