Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีประกาศ "ปฏิญญาเกาะเต่า : ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 9.30 น.

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีประกาศ "ปฏิญญาเกาะเต่า : ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์" ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีชาวเกาะ 21 เกาะ พร้อมด้วย 23 องค์กร ร่วมประกาศปฏิญญาดังกล่าว ซึ่งว่าด้วยการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนในวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day) โดยมี นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นประธาน ณ บริเวณหาดทรายรีตอนกลาง
จากนั้นเวลา 19.00 น. นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาชาวเกาะ การท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 1 : ขับเคลื่อนเกาะ บนฐานเศรษฐกิจสีเขียวจากท้องถิ่นสู่สากล Thailand's Sustainable Island Tourism Symposium 2023 : BCG Action on Islands from Local to Global ณ หาดทรายรีตอนเหนือ(เกาะเต่าคาบาน่า รีสอร์ต)
โดยมีหัวข้อร่วมสัมมนาชาวเกาะในประเด็น การท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน, การจัดการเกาะบนฐานองค์ความรู้ด้านทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ, การจัดการขยะเกาะ และพันธมิตรร่วมพัฒนาเกาะจากท้องถิ่นสู่สากล ซึ่งกำหนดจัดงานสัมมนาระหว่าง วันที่ 8-9 มิถุนายน 2566 ณ เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในการนี้มี นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายสุทธิพงษ์ ทองเรือง ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเกาะพะงัน, นายวัชรินทร์ ฟ้าสิริพร นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า, นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีขุดพบ “พานทองคำ” ระหว่างปรับพื้นที่ก่อสร้างมณฑปในวัดโพธาราม ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ฯไชยา ระบุ เทียบประติมากรรมแล้ว อาจเก่าแก่ถึงสมัยอยุธยาตอนต้น

วันที่ 8 มิถุนายน 2566
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา เพื่อตรวจสอบ “พานทองคำ” วัตถุโบราณที่ขุดพบด้วยความบังเอิญ ระหว่างการปรับหน้าดิน เตรียมพื้นที่ก่อสร้างมณฑป ภายในวัดโพธาราม หมู่ที่ 3 ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี นายชวลิต โรจนรัตน์ นายอำเภอไชยา พร้อมด้วย นายกิตติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และนายวรัญญู ชูศรี กรรมการวัดโพธาราม ร่วมให้ข้อมูล
นายวรัญญู ชูศรี เล่าว่า ระหว่างที่รถแบ็คโฮ กำลังขุดดินลึกประมาณ 1.5 เมตร ได้มีคนงานสังเกตเห็นวัตถุแวววาว ในกองดินที่ขุดขึ้น จึงเข้าไปเก็บและนำไปล้างน้ำ ก่อนจะพบว่า พานเนื้อโลหะสีทอง เมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นทองคำแท้ น้ำหนัก 52.89 กรัม หรือประมาณ 3 บาท 2 สลึง มีลวดลายเป็นกลีบบัวซ้อน ขนาดหน้าพานกว้าง 8.4 ซ.ม. สูง 5.2 ซ.ม. ฐานสูง 1.7 ซ.ม. ฐานล่างกว้าง 5.3 ซ.ม. จึงได้เชิญ นายกิติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอำเภอไชยา เข้ามาตรวจสอบเบื้องต้น และมอบให้พระครูอธิการสุภาส ถิระจิตโต เจ้าอาวาสวัดโพธาราม เป็นผู้เก็บรักษา แต่ต่อมาตกลงกันว่า จะส่งมอบให้กับพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาไว้ชั่วคราว เมื่อมณฑปก่อสร้างเสร็จ ก็จะนำมาบรรจุไว้ เพื่อให้ประชาชนและคนรุ่นหลังได้ชื่นชม
ด้านนายกิติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอำเภอไชยา กล่าวว่า หลังจากได้รวบรวมข้อมูลประติมากรรมลักษณะเดียวกันจากแหล่งอื่นๆ ก็พบว่า มีความใกล้เคียงกับวัตถุโบราณจากกรุราษบูรณะ ทั้งลวดลาย และวิธีการขึ้นรูป ซึ่งเป็นของเก่าในยุคอยุธยาตอนต้น และส่วนใหญ่เครื่องใช้ที่ทำจากทองคำก็จะเป็นของใช้ของชนชั้นสูง หรือการทำถวายวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีอีกหลายชิ้น ในลักษณะเป็นชุด เหมือนที่เคยค้นพบในที่อื่นๆ
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า พานดังกล่าว ถือเป็นของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองไชยาและพุมเรียง ที่เป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า กรรมการวัด และ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ได้กันพื้นที่ ไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาขุดค้น หรือร่อนดินทรายที่ขุดขึ้นมาเพื่อหาของมีค่า ส่วนการกันพื้นที่ให้กรมศิลปากร หรือให้ทางพิพิธภัณฑ์ ได้มาขุดค้น เพื่อหาวัตถุโบราณไปเก็บรักษา ได้หรือไม่นั้น ขอให้เป็นสิทธิ์ของกรรมการวัด ผู้นำท้องถิ่น และ เจ้าหน้าที่ได้หาข้อสรุปร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญ คือ อยากฝากให้ชาวบ้านในพื้นที่ ได้ช่วยกันอนุรักษ์วัตถุโบราณ ตลอดจน สิ่งก่อสร้างโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ถึงอดีตของเมืองไชยา

ข่าว/ภาพ – ส.ปชส.สุราษฎร์ธานี

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ น้องโดม ผู้พิการแขนเดียวสู้ชีวิต ออกจากโรงเรียนแค่ ม.3 รับจ้างแบกหาม หารายได้เลี้ยงครอบครัว หวังให้น้องเป็นตัวอย่าง สร้างแรงบันดาลใจแก่คนสู้ชีวิต ย้ำ มหาดไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วันที่ 8 มิถุนายน 2566

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 7 ตำบลคลองพา อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ นายสุรทัต ศรีรอด อายุ 17 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นผู้พิการมีแขนข้างเดียวตั้งแต่กำเนิด แต่สู้ชีวิต หยุดเรียนหนังสือตั้งแต่จบ ม.3 เพื่อออกมารับจ้างแทงปาล์ม และแบกหาม โดยใช้บ่าและแขนเพียงข้างเดียว เพื่อหารายได้ช่วยครอบครัว และได้มีโอกาสแสดงความสามารถผ่านรายการ super 100 อัจฉริยะเกิน 100 ตอน นักสู้เเขนเดียว เพื่อนำเงินรางวัลจากรายการมาช่วยเหลือครอบครัว โดยมีนายสำนวน ทองศรี นายอำเภอท่าชนะ นายณรงค์ หลักกำจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่
สำหรับ นายสุรทัต ศรีรอด อายุ 17 ปี เป็นผู้พิการมีแขนข้างเดียว เป็นบุตรนายสุรชัย ศรีรอด อายุ 48 ปี และนางสาวสุมลทา อินทร์ทอง อายุ 41 ปี ปัจจุบันแยกกันอยู่ มีพี่น้องรวม 7 คน ซึ่งกำลังเรียนหนังสือถึง 5 คน โดยนายสุรทัต จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนท่าชนะ และต้องหยุดเรียนเพื่อออกมาช่วยทางบ้านหารายได้เลี้ยงครอบครัว โดยส่วนใหญ่จะรับจ้างแทงทลายปาล์มน้ำมัน และรับจ้าง เฉลี่ยวันละ 400 บาท ส่วนมารดาของนายสุรทัต ประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา มีรายได้วันละ 700 บาท แต่ไม่แน่นอน เพราะถ้าฝนตกก็กรีดยางพาราไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา อบต.คลองพา ได้มีการช่วยเหลือ สนับสนุนงบประมาณ 40,000 บาท เพื่อสร้างบ้านที่แข็งแรงให้ รวมถึง ยังได้รับเบี้ยคนพิการเดือนละ 1,000 บาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับรายจ่าย เพราะมีสมาชิกในครอบครัวหลายคน
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ชื่นชม นายสุรทัต ที่มีความขยัน มุมานะ ในการหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว แม้ว่าตัวเองจะเป็นผู้พิการ จึงได้เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมกับมอบบัตรประจำตัวผู้พิการแบบตลอดชีพ แทนบัตรเดิมที่หมดอายุ รวมถึง มอบสิ่งของที่จำเป็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน เครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์การเรียน และเงินส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ นายอำเภอท่าชนะ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางให้นายสุรทัต ได้กลับเข้าเรียนหนังสือ ในระบบการศึกษานอกโรงเรียน จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการดูแลน้องๆ ของนายสุรทัต ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา อย่างเหมาะสม และให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้คำปรึกษาถึงการกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพสำหรับคนพิการ แบบไม่มีดอกเบี้ย ผ่อนชำระคืน ภายใน 5 ปี รายละไม่เกิน 120,000 บาท เพื่อนำมาประกอบอาชีพที่มั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิต
ซึ่งสอดคล้องกับของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านกลไกต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ อย่างทั่วถึง เท่าเทียม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


ข่าว/ภาพ – ส.ปชส.สุราษฎร์ธานี

พิธีเปิดกิจกรรม "วันทะเลโลก"ประจำปี 2566 ภายใต้หัวข้อ"เปลี่ยน พลิกฟื้น คืนโลกสีคราม"

วันที่ 8 มิถุนายน 2566  เวลา 10.00 น. ณ ชุมชนบ้านหาดนางกำ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

 นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม "วันทะเลโลก"ประจำปี 2566 ภายใต้หัวข้อ"เปลี่ยน พลิกฟื้น คืนโลกสีคราม" โดยมีนายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 กล่าวรายงาน
ในปี 2551 องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดอย่างเป็นทางการให้วันที่ 8 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันทะเลโลก เพื่อเฉลิมฉลอง และกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั้งโลก หันมาใส่ใจร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเล ทุกๆวันที่ 8 มิถุนายน ของทุกปี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันทะเลโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และแสดงบทบาทของประเทศไทยในระดับสากล พร้อมทั้งรณรงค์ ปลูกจิตสำนึกของคนไทยให้หันมาใส่ใจ ร่วมกันอนุรักษ์ทะเลไทยให้ยั่งยืน จากนโยบายรัฐบาล และความมุ่งมั่นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะจัดการแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมทางทะเล
การจัดงานในครั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 4 จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ร่วมกับองค์กรต่างๆ โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ จำนวนมากกว่า 200 คน โดยมีกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดแสดงนิทรรศการ เพื่อรณรงค์สร้างจิตสำนึก การอนุรักษ์ และการฟืันฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กิจกรรมปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ กิจกรรมเก็บขยะชายหาด กิจกรรมดำน้ำเก็บขยะในแนวเขตปะการัง และการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ชุมชน

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!