Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

การประชุมคณะกรรมการเพื่อการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1/2566

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 เวลา 13.30 น.  ณ ห้องประชุมตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 1/2566 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการประชุม

การประชุมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพิจารณาหารือแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2566 สำหรับการแก้ไขและสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถแข่งขันในตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นแหล่งผลิตผลไม้ (ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง) ที่สำคัญของภาคใต้และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบื้องต้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 ได้ประมาณการผลผลิตไม้ผลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปี 2566 ซึ่งมีผลผลิตรวม จำนวน 113,732 ตัน และมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 44,832 ตัน และสามารถแยกจำแนกเป็นแต่ละประเภทได้ ดังนี้ (1) ทุเรียน จำนวน 76,237 ตัน (2) มังคุด จำนวน 4,794 ตัน (3) เงาะ จำนวน 30,447 ตัน และ (4) ลองกอง จำนวน 2,254 ตัน โดยช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด คือ เดือนมิถุนายน - ตุลาคม ส่วนช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (Peak) คือ ช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน และคาดกรณ์เบื้องต้นว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดพร้อมกันทั้งซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการกระจุกตัวของสินค้า ไม่สามารถระบายผลผลิตได้ทัน อาจส่งผลกระทบด้านราคาจำหน่ายของเกษตรกรผู้เพาะปลูก จึงได้กำหนดจัดการประชุมเพื่อพิจารณาแผนการบริหารจัดการผลไม้ปี 2566 ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

การประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ครั้งที่ 2/2566

วันที่ 9 มิถุนายน 2566  เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมนางยวน ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

 นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ครั้งที่ 2/2566 โดยมีนายพยุงศักดิ์ ภักษา เป็นประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานโครงการศึกษาปรับปรุงร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำจากเดิม 25 ลุ่มน้ำ เป็นร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ 22 ลุ่มน้ำ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเห็นชอบ เพื่อนำมาใช้ในลุ่มน้ำต่อไป เห็นชอบการจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรน้ำของลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองและขับเคลื่อนแผนงานโครงการ และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำ และเห็นชอบแผนงาน/โครงการจากการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 3 โครงการ
      

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีประกาศ "ปฏิญญาเกาะเต่า : ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 9.30 น.

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีประกาศ "ปฏิญญาเกาะเต่า : ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนและมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์" ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีชาวเกาะ 21 เกาะ พร้อมด้วย 23 องค์กร ร่วมประกาศปฏิญญาดังกล่าว ซึ่งว่าด้วยการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนในวันมหาสมุทรโลก (World Ocean Day) โดยมี นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นประธาน ณ บริเวณหาดทรายรีตอนกลาง
จากนั้นเวลา 19.00 น. นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนาชาวเกาะ การท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน ครั้งที่ 1 : ขับเคลื่อนเกาะ บนฐานเศรษฐกิจสีเขียวจากท้องถิ่นสู่สากล Thailand's Sustainable Island Tourism Symposium 2023 : BCG Action on Islands from Local to Global ณ หาดทรายรีตอนเหนือ(เกาะเต่าคาบาน่า รีสอร์ต)
โดยมีหัวข้อร่วมสัมมนาชาวเกาะในประเด็น การท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน, การจัดการเกาะบนฐานองค์ความรู้ด้านทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ, การจัดการขยะเกาะ และพันธมิตรร่วมพัฒนาเกาะจากท้องถิ่นสู่สากล ซึ่งกำหนดจัดงานสัมมนาระหว่าง วันที่ 8-9 มิถุนายน 2566 ณ เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ในการนี้มี นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นายสุทธิพงษ์ ทองเรือง ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเกาะพะงัน, นายวัชรินทร์ ฟ้าสิริพร นายกเทศมนตรีตำบลเกาะเต่า, นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่าและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีขุดพบ “พานทองคำ” ระหว่างปรับพื้นที่ก่อสร้างมณฑปในวัดโพธาราม ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ฯไชยา ระบุ เทียบประติมากรรมแล้ว อาจเก่าแก่ถึงสมัยอยุธยาตอนต้น

วันที่ 8 มิถุนายน 2566
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา เพื่อตรวจสอบ “พานทองคำ” วัตถุโบราณที่ขุดพบด้วยความบังเอิญ ระหว่างการปรับหน้าดิน เตรียมพื้นที่ก่อสร้างมณฑป ภายในวัดโพธาราม หมู่ที่ 3 ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี นายชวลิต โรจนรัตน์ นายอำเภอไชยา พร้อมด้วย นายกิตติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และนายวรัญญู ชูศรี กรรมการวัดโพธาราม ร่วมให้ข้อมูล
นายวรัญญู ชูศรี เล่าว่า ระหว่างที่รถแบ็คโฮ กำลังขุดดินลึกประมาณ 1.5 เมตร ได้มีคนงานสังเกตเห็นวัตถุแวววาว ในกองดินที่ขุดขึ้น จึงเข้าไปเก็บและนำไปล้างน้ำ ก่อนจะพบว่า พานเนื้อโลหะสีทอง เมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นทองคำแท้ น้ำหนัก 52.89 กรัม หรือประมาณ 3 บาท 2 สลึง มีลวดลายเป็นกลีบบัวซ้อน ขนาดหน้าพานกว้าง 8.4 ซ.ม. สูง 5.2 ซ.ม. ฐานสูง 1.7 ซ.ม. ฐานล่างกว้าง 5.3 ซ.ม. จึงได้เชิญ นายกิติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอำเภอไชยา เข้ามาตรวจสอบเบื้องต้น และมอบให้พระครูอธิการสุภาส ถิระจิตโต เจ้าอาวาสวัดโพธาราม เป็นผู้เก็บรักษา แต่ต่อมาตกลงกันว่า จะส่งมอบให้กับพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาไว้ชั่วคราว เมื่อมณฑปก่อสร้างเสร็จ ก็จะนำมาบรรจุไว้ เพื่อให้ประชาชนและคนรุ่นหลังได้ชื่นชม
ด้านนายกิติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอำเภอไชยา กล่าวว่า หลังจากได้รวบรวมข้อมูลประติมากรรมลักษณะเดียวกันจากแหล่งอื่นๆ ก็พบว่า มีความใกล้เคียงกับวัตถุโบราณจากกรุราษบูรณะ ทั้งลวดลาย และวิธีการขึ้นรูป ซึ่งเป็นของเก่าในยุคอยุธยาตอนต้น และส่วนใหญ่เครื่องใช้ที่ทำจากทองคำก็จะเป็นของใช้ของชนชั้นสูง หรือการทำถวายวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีอีกหลายชิ้น ในลักษณะเป็นชุด เหมือนที่เคยค้นพบในที่อื่นๆ
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า พานดังกล่าว ถือเป็นของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองไชยาและพุมเรียง ที่เป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ซึ่งขณะนี้ทราบว่า กรรมการวัด และ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ได้กันพื้นที่ ไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาขุดค้น หรือร่อนดินทรายที่ขุดขึ้นมาเพื่อหาของมีค่า ส่วนการกันพื้นที่ให้กรมศิลปากร หรือให้ทางพิพิธภัณฑ์ ได้มาขุดค้น เพื่อหาวัตถุโบราณไปเก็บรักษา ได้หรือไม่นั้น ขอให้เป็นสิทธิ์ของกรรมการวัด ผู้นำท้องถิ่น และ เจ้าหน้าที่ได้หาข้อสรุปร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญ คือ อยากฝากให้ชาวบ้านในพื้นที่ ได้ช่วยกันอนุรักษ์วัตถุโบราณ ตลอดจน สิ่งก่อสร้างโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ถึงอดีตของเมืองไชยา

ข่าว/ภาพ – ส.ปชส.สุราษฎร์ธานี

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!