วันที่ 12 สิงหาคม 2566

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติเป็นประธานพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้อุทิศที่ดินเพื่อก่อสร้างสะพานเชี่ยวไทร พร้อมด้วยนายสุเชาว์  ทูโมสิก  นายอำเภอพนม นายไพฑูรณ์ คงเดิม นายกเทศมนตรีตำบลคลองชะอุ่น นายณรงค์ หลักกำจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้น ณ บริเวณสะพานเชี่ยวไทร ม.1 บ้านคลองชะอุ่น ต.คลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี

สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ. 2559 เทศบาลตำบลคลองชะอุ่น ได้รับทราบปัญหาความต้องการของประชาชนถึงความต้องการและความจำเป็นในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อระหว่างเทศบาลตำบลคลองชะอุ่นกับเทศบาลตำบลพนม บริเวณซอยเชี่ยวไทร บ้านคลองชะอุ่น หมู่ที่ 1 ตำบลคลองชะอุ่น เพื่อลดระยะทางในการเดินทางของประชาชน และเป็นการกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า ระหว่างสองตำบลและขยายผลสู่ตำบลอื่นๆ ในอำเภอพนม สามารถพัฒนา
สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคมของอำเภอพนมในระยะยาว
หลังจากนั้นเทศบาลตำบลคลองชะอุ่น ได้ลงพื้นที่สำรวจและพบปะประชาชนฝั่งตำบลคลองชะอุ่น และฝั่งตำบลพังกาญจน์ ที่ได้รับผลกระทบด้านพื้นที่ เพื่อขอความยินยอมให้ราชการสามารถเข้าไปดำเนินการให้มีการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในการก่อสร้างสะพาคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองศก ตำบลคลองชะอุ่น เชื่อมต่อตำบลพังกาญจน์ อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวน 7 ราย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั้งสองตำบลเป็นอย่างดี ประกอบด้วย
ฝั่งตำบลพังกาญจน์ จำนวน 3 ราย
1) นายสมลักษณ์ ศรีหิรัญเดช
2) นางสาววรรณ์ทนา คงไล่
3) นางสาวสายสุณีย์ สาเรศ
ฝั่งตำบลคลองชะอุ่น จำนวน 4 ราย
1) นางสมทรง คงเดิม
2) นายชนินทร ขุนชู
3) นางสาวสุภัค นิลทัพ
4) นายนำพล หีดจินดา
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่ารู้สึกดีใจ ที่เห็นความร่วมแรงร่วมใจ ของผู้นำท้องถิ่น ท้องที่และประชาชน จนทำให้เกิดสะพานแห่งนี้ขึ้นได้ ส่งผลให้การสัญจร ไปมาหาสู่ระหว่าง2 ตำบลสะดวกขึ้น ขอให้ช่วยกันดูแลรักษาสะพานแห่งนี้ไว้เพื่อประโยชน์ไปนานๆ

วันที่ 12 สิงหาคม 2566

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายสุเชาว์ ทูโมสิก นายอำเภอพนม นางสาวชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายณรงค์ หลักกำจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจแม่ที่มีอายุเกิน 100 ปี จำนวน 2 รายในพื้นที่ ต.คลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี และทั้ง 2 ราย เป็น 2 ใน 12 รายที่ได้รับมอบโล่เกียรติคุณแก่ผู้สูงอายุ 100 ปี  ขึ้นไป ของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจังหวัดสุราษฎร์ธานีในปี 2565 ด้วย

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะเข้าเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของบำรุงสุขภาพให้กับนาง นางคลี่ คชวิน อายุ 102 ปี หมู่ที่ 4 ต.คลองชะอุ่น และนางหั้ว ทัดแก้ว อายุ 102 ปี หมู่ที่ 6 ตำบลคลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ 12 สิงหาคมซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติอยากเดินทางมาให้กำลังใจกับคุณแม่ทั้งสอง และนำสิ่งของมามอบเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไปนานๆ

น.ส.สุภาพ ทัดแก้ว บุตรสาวคุณยายหั้วฯ กล่าวว่า ตนกับแม่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเพียง 2 คน ส่วนพี่ๆ และน้องๆ ก็อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน มีอะไรเราก็จะแบ่งปันซึ่งกันและกัน ส่วนแม่จะทำอะไรก็ได้เพียงแต่ให้ท่านสบายใจพวกเราก็สบายใจอีกทั้งหลานๆเป็นเจ้าหน้าที่ อสม. ประจำหมู่บ้านก็เข้ามาตรวจร่างกายเป็นประจำ ซึ่งทุกวันนี้แม่ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ยังคงพูดคุยได้ตามปกติ และจะทำอาหารให้แม่กินทุกวัน บางวันแม่ก็ทำกินเอง เอาตามที่แม่ชอบยกเว้นเนื้อวัวจะไม่รับประทาน

วันที่ 12 สิงหาคม 2566  เวลา 07.00 น. ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์สามเณร จำนวน 192 รูป โดยมี นางอุรสา จินโต ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรอิสระ ภาคเอกชน และ ประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และนำผู้เข้าร่วมพิธีถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ จากนั้น พระพรหมวชิรเมธาจารย์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง เจ้าอาวาสวัดไตรธรรมาราม พระอารามหลวง พร้อมด้วย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อถวายพระราชกุศล จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำผู้เข้าร่วมพิธี ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์สามเณร 192 รูป
ทั้งนี้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2566 หลายกิจกรรม ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตร , พิธีถวายราชสักการะและวางพานพุ่ม พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เพื่อร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้.