Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีร่วมประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายรัฐบาลและผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566  ณ ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ/หน่วยงาน และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ณ ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย

ในการนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและแนวทางการทำงานที่สำคัญ ได้แก่ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การส่งเสริมผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP การสร้างความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว เร่งรัดการออกสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ One Map การขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบริการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว นำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต
นอกจากนี้ยังได้มีการติดตามการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยและคลื่นลมแรงในพื้นที่ภาคใต้ การขับเคลื่อนโครงการตามผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหูม่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล – ปาเลสไตน์ การพัฒนาระบบประปาเพื่อการอุปโภคและบริโภค การจัดการน้ำเสียชุมชน และการขับเคลื่อนการดำเนินงานการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง.

พิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตรอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ (Emergency Medical Responder:EMR) รุ่นที่ 1 และมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรม จำนวน 50 คน

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.00 น. ณ สโมสรรวมใจ อำเภอกาญจนดิษฐ์

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรมหลักสูตรอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ (Emergency Medical Responder:EMR) รุ่นที่ 1 และมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรม จำนวน 50 คน ซึ่งกำหนดจัดอบรมขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2566 มีวัตถุประสงค์จัดขึ้นเพื่อให้บุคลากรอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยมีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวในกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยด้วย

โครงการฟุตบอลดารามหากุศล ในวาระครบรอบ 10 ปีก่อตั้งสมาคมนักข่าวสุราษฎร์ธานี และร่วมเตะฟุตบอลกับทีมดาราช่อง 7

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา 14.00 น.  ณ สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดโครงการฟุตบอลดารามหากุศล ในวาระครบรอบ 10 ปีก่อตั้งสมาคมนักข่าวสุราษฎร์ธานี และร่วมเตะฟุตบอลกับทีมดาราช่อง 7 ซึ่งมีนายอำเภอ ข้าราชการตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนทั่วไปร่วมโครงการ

โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้ซื้ออุปกรณ์ช่วยเหลือ
ผู้ด้อยโอกาสหรือผู้พิการ และจัดซื้ออุปกรณ์กู้ภัยให้กับหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชมรมกู้ชีพกู้ภัย มรส. ตลอดจนรายได้ส่วนหนึ่งเข้าสมาคมาเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือสมาชิกสมาคมนักข่าวสุราษฎร์ธานี สร้างขวัญกำลังใจแก่สมาชิกที่ปฏิบัติงานภาคสนามแต่ยังขาดการสนับสนุน

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมแสดงความยินดีในพิธีเปิดมัสยิดอิกอมุสซอลาฮ์ บ้านหนองจอก อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมชื่นชมชุมชนมุสลิม ไทยพุทธ ในพื้นที่ มีความสามัคคีเหนียวแน่นภายใต้พหุวัฒนธรรม

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2566

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมแสดงความยินดี ในพิธีเปิดมัสยิดอิ-กอมุสซอลาฮ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านหนองจอก หมู่ที่ 2 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อับดุลเลาะ หนุ่มสุข ผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี พร้อมด้วย นายศุฟเฟียน อาแว ประธานมูลนิธิเอเชียเพื่อการศึกษาและพัฒนาสังคม และนายปรีชา การีซอ อิหม่ามประจำมัสยิดอิ-กอมุสซอลาฮ์ ตลอดจน นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ตัวแทนภาคเอกชน ร่วมแสดงความยินดี และ มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมและการพัฒนามัสยิดดังกล่าว
สำหรับชุมชนมุสลิมบ้านหนองจอก สันนิษฐานว่า เริ่มมีชาวมุสลิมอพยพจากทั้งภาคกลาง และ จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาเริ่มจับจองพื้นที่ว่างริมแม่น้ำตาปี เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ ต่อมาเมื่อชุมชนมีขนาดใหญ่ขึ้น ในปี พ.ศ.2493 จึงเริ่มสร้าง ศาสนสถาน โดยใช้ชื่อว่ามัสยิดศาลามุรเราะฮ์มาน และต่อมาในปี พ.ศ. 2502 จึงได้สร้างมัสยิดอีกหลัง คือ มัสยิดอิกอมุสซอลาฮ์ ในปัจจุบัน แต่ด้วยสภาพพื้นที่ ที่เป็นที่ลุ่มต่ำ ติดริมแม่น้ำตาปี ทำให้พื้นที่ดังกล่าวถูกน้ำท่วมเป็นประจำ และมีการซ่อมแซม หรือ สร้างมัสยิดหลังใหม่หลายครั้ง จนล่าสุดตัวแทนมูลนิธิเอเชียเพื่อการศึกษาและพัฒนาสังคม ได้รับทราบปัญหา จึงได้สนับสนุนการก่อสร้างมัสยิดหลังใหม่ แบบยกพื้นสูง ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 1,500,000 บาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี เพื่อให้ชาวมุสลิมในพื้นที่ สามารถประกอบศาสนกิจในช่วงเกิดอุทกภัยได้
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวแสดงความยินดี และ ชื่นชมความสามัคคีของคนในพื้นที่ ที่สามารถผลักดันให้เกิดมัสยิดหลังใหม่ขึ้นได้ รวมถึง บรรยากาศในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม ที่มีทั้งชาวมุสลิม ชาวพุทธ มาร่วมกิจกรรมกันอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งระบุว่า จากการที่ตนเองเคยทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มากว่า 30 ปี พบว่า กลไกสำคัญที่จะทำให้ชุมชนเข้มแข็งต้องเริ่มจากคนในชุมชนมีความสามัคคีกัน และแม้ว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธ แต่ก็ได้ศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมชาวมุสลิมตลอดช่วยที่อยู่ในพื้นที่ และยังได้กล่าวทักทาย แนะนำตัว เป็นภาษามลายู เรียกเสียงปรบมือจากชาวบ้านในพื้นที่ได้อีกด้วย

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!