Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี/รองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีฯ วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗


วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐น. ณ สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี/รองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีฯ วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ได้กำหนดจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๗ และในการนี้ สำนักงานลูกเสือจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้จัดพิธีฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และแสดงความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อกิจการลูกเสือไทย เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์ สังคมให้เกิดความสามัคคี และมีความเจริญก้าวหน้า ความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูศรีบรรพตพิชัย (เจรียง ฐิตปุญฺโญ ป.ธ.6) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน สิริอายุ 88 ปี 67 พรรษา

 

วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น.

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูศรีบรรพตพิชัย (เจรียง ฐิตปุญฺโญ ป.ธ.6) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน ณ เมรุชั่วคราววัดเขาศรีวิชัย โดยมีพระวชิรปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม พระอารามหลวง เป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระสังฆาธิการ ตลอดจนข้าราชการในพื้นที่ และศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีจำนวนมาก
พระครูศรีบรรพตพิชัย (เจรียง ฐิตปุญฺโญ ป.ธ.6) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระสงฆ์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ และชาวบ้านในพื้นที่ โดยพระคุณเจ้าได้อาพาธด้วยความชราภาพ จึงได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ก่อนจะมรณภาพ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ที่โรงพยาบาล สิริอายุ 88 ปี 67 พรรษา คณะสงฆ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้กำหนดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 กำหนดพิธีบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 9 คืน ในวันที่ 21 – 29 มิถุนายน 2567 และได้จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ ที่ 30 มิถุนายน 2567

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ติดตามข้อร้องเรียน กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี หลุดจากแผน PDP 2024 พร้อมทั้งติดตามเรื่องราคาปาล์มน้ำมัน


วันที่ 29 มิถุนายน 2567

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในโอกาสลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ รอต้อนรับเป็นจำนวนมาก และมีการถือป้ายแสดงออกถึงการสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่แทนโรงไฟฟ้าเก่าที่ได้รื้อถอนไปก่อนหน้านี้
ภารกิจแรกเป็นการลงพื้นที่ ที่บริเวณสร้างที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับรายงานจาก ส.ส. ในพื้นที่ว่า ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว มีความกังวลกรณีแผนการสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ไม่ได้อยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) ทั้งที่โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ได้รับการอนุมัติบรรจุแผน PDP 2018 REV1 และได้ปรับพื้นที่พร้อมในการก่อสร้างแล้ว ซึ่งสหภาพแรงงาน กฟผ. และ ตัวแทนองค์การบริการส่วนตำบลทั้ง 6 แห่ง ของอำเภอพุนพิน เข้ายื่นหนังสือ “ขอให้นำแผนสร้างโรงไฟฟ้ากลับเข้า PDP 2024 ตามเดิม” ต่อรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นางณิชารีย์ กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีได้ผ่านการศึกษาด้านความมั่นคงของการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งปัจจุบันในภาคใต้ไฟไม่เพียงพอต้องนำส่งไฟฟ้ามาจากภาคกลางหากไม่มีการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้อย่างรุนแรง อีกทั้งยังพบว่าการสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี มีต้นทุนที่ถูก ทั้งในส่วนของการก่อสร้างอาคารและการวางท่อแก๊สที่ใกล้กับโรงผลิตแก๊ส ที่อำเภอขนอม จ.นครศรีธรรมราช ตรงตามกรอบของ PDP อีกทั้งยังผ่านกระบวนการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมและผ่านการเห็นชอบของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้แล้วด้วย
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจเพราะไม่มีใครที่จะไม่สร้างความมั่นคงในการใช้ไฟฟ้า และราคาไม่แพงแต่ในความเป็นจริง ทางคณะรัฐมนตรีได้สอบถามที่มาที่ไปของแผนเดิมปี 2018 REV1 ถึงที่มาของแผนการสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ร่วมถึงแหล่งเงินทุนที่จะสร้างและเป็นทุนที่ไม่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง แต่กลับพบว่าส่วนที่รับผิดชอบ 3 ฝ่าย ยังไม่สามารถใช้คำตอบได้ จึงไม่สามารถที่จะสั่งให้ทำหรือไม่ทำได้เช่นกัน ส่วนในเรื่องของแผน PDP หากพบปัญหาก็สามารถปรับเปลี่ยนได้เช่นกัน ส่วนแผนการสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีตรวจสอบแล้วพบว่าแผนยังอยู่แต่คงต้องเลื่อนเวลาออกไปเพราะส่วนที่รับผิดชอบยังไม่สามารถตอบได้ว่าเอาเงินงบประมาณจากไหน
ทั้งนี้ ภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟ 3,000 เมกะวัตต์ สามารถผลิตในภาคใต้ได้ประมาณ 2,400 เมกะวัตต์ ขาดอีก 600 เมกะวัตต์ รับไฟฟ้ามาจากภาคกลาง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานียังอยู่แน่นอน แต่ตอนนี้คงต้องรอเวลา และไฟฟ้ายังคงใช้ได้ตามปกติ ส่วนรับผิดชอบยังสามารถบริหารจัดการได้ครอบคลุมพื้นที่เพราะการใช้ไฟฟ้าไม่ได้สูงตลอดเวลา และไม่กระทบค่าไฟฟ้าของประชาชน
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่ ที่บริษัท ปาล์มทองคำ จำกัด ซึ่งเป็นโรงสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อพบปะกับเกษตรกร ตัวแทนผู้ประกอบการ โดยมี นายวิชาญ จุนทวิจิตร นายอำเภอพระแสง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวพบปะกับเกษตรกร โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ห่วงใยสถานการณ์ด้านราคาปาล์มน้ำมัน ที่กระทบต่อเกษตรกร และได้มอบหมายให้ ครม.เศรษฐกิจ เร่งหาแนวทางแก้ไข โดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีทั้งเรื่องที่ดำเนินการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกประกาศให้ผู้ค้ามาตรา 7 ต้องซื้อน้ำมันไบโอดีเซล B100 ในราคาไม่ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร ส่วนกระทรวงพาณิชย์คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มได้ขอให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลปาล์มในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.80 บาท ให้สอบคล้องกับราคา CPO ควบคู่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เร่งพัฒนาการผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรให้มีคุณภาพ ยกระดับเปอร์เซ็นการสกัดน้ำมันปาล์ม ส่วนเรื่องหลังจากนี้ ก็จะเป็นการแก้ไขปรับปรุงเรื่องกฎหมาย ที่จะออกมาเพื่อกำกับดูแล กระบวนการรับซื้อและราคา ให้สอดคล้องกับตลาด ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ ซึ่งจะทยอยดำเนินการต่อจากการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่ตัวแทนผู้ประกอบการ ได้ฝากให้รองนายกรัฐมนตรี ได้ช่วยกำกับดูแลการกดราคาของโรงงานรีไฟน์ หรือโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ที่ไม่ให้เอาเปรียบโรงสกัดน้ำมัน ส่วนตัวแทนสภาเกษตรกรฯ ได้ขอให้ มีการชะลอการยกเลิกการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล แม้ทราบดีว่าต้นทุนในปัจจุบันจะสูง แต่หากถอดออกจะกระทบปาล์มน้ำมันทั้งระบบ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องเพื่อนำกลับไปหาแนวทางแก้ไข แต่ยืนยันว่า ยังไม่มีการยกเลิกในขณะนี้ แต่มีกฎหมายกำหนดให้ยกเลิกในปี 2569 ซึ่งระหว่างนี้ ก็ได้มีคณะทำงานที่กำลังศึกษา การใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตหรือผสมสินค้าอื่น ที่มีมูลค่าสูงเพื่อทดแทนกรณียกเลิกการผสมไบโอดีเซล ก่อนจะเดินทางไปยัง ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน จำเริญพาณิชย์ ซึ่งเป็นลานเท ปาล์มน้ำมันคุณภาพ ที่มีการคัดเลือกผลปาล์ม ไม่รับซื้อปาล์มดิบจากเกษตรกร โดยรองนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามการดำเนินงานและชมการคัดเลือกทลายปาล์ม ของคนงาน และฝากให้ขยายผลไปยังลานเทอื่นๆเพื่อพัฒนาปาล์มทั้งระบบต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เปิดแล้วอย่างยิ่งใหญ่ "งานช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทยที่เมืองคนดี" ยกทัพสินค้า OTOP บุกเมืองสุราษฎร์

 

วันที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 17.00 น. ณ เวทีกลางสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี” โดยนายกรองศักดิ์ โอยสวัสดิ์ พัฒนาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวรายงาน โดยมีนายจรัญ อินทสระ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด พัฒนาการอำเภอ คณะกรรมการเครือข่าย OTOP ภาคใต้ คณะกรรมการเครือข่าย OTOP จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และแขกผู้มีเกียรติอีกมากมาย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานฯ

นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประธานในพิธีเปิด ได้กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์กลางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนของภาคใต้ตอนบน เป็นจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกด้าน เศรษฐกิจมีความมั่นคง ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในธุรกิจ และสถานประกอบการต่าง ๆ จำนวนมาก ในปี 2566 จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีรายได้จากการท่องเที่ยว อันดับ 5 ของประเทศ รายได้ 86,588 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 7.61 ล้านคน แม้ปัจจุบันการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบ Online จะได้รับความนิยม แต่การจัดงาน OTOP แบบ Onsite ยังคงมีความสำคัญ ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ การจัดงาน “ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี” จึงเป็นตัวอย่างงาน OTOP แบบ Onsite ที่ประสบความสำเร็จ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาสและส่งเสริมศักยภาพของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ผมเชื่อว่าการจัดงานในครั้งนี้ มากกว่างาน OTOP ทั่วไป เพราะงานนี้เปรียบเสมือนเวทีที่เปิดกว้าง มอบโอกาสให้ผู้ผลิต ประกอบการ OTOP เศรษฐกิจและชุมชนได้พัฒนาเติบโตและก้าวไปสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน การจัดงาน “ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี” จึงเปรียบเสมือนกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างโอกาส และนำไปสู่ “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”

และได้กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอเป็นกำลังใจ และขอขอบคุณทุกภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน สื่อมวลชน ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ที่สนับสนุนและมีส่วนร่วมในการจัดงาน “ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี” ในครั้งนี้ และขอให้การจัดงานประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ มียอดจำหน่ายที่ดีกันทุก ๆ คน

ก่อนพิธีเปิดงานฯ ได้มีการแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไทย จากผู้ประกอบการประเภทผ้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีและคณะกรรมการสตรี มาสร้างสีสันให้กับงานในวันนี้ จากนั้น ประธานในพิธีและแขกผู้มีเกียรติ ได้เยี่ยมชมบูธ และทักทายให้กำลังใจกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานฯ

จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนดจัดงาน "ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี" ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2567 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานีร่วมกับคณะกรรมการเครือข่าย OTOP จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะกรรมการเครือข่าย OTOP ภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนากลุ่ม D เครือข่ายสัมมาชีพชุมชน เครือข่ายโคกหนองนา กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี มีช่องทางการตลาดและมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ไม่ใช้งบประมาณของราชการในการจัดงานฯ แต่อย่างใด

ภายในงาน "ช้อปเพลินใจ OTOP ทั่วไทย ที่เมืองคนดี" ได้มีการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP และโซนตลาดสัมมาชีพชุมชน รวมทั้งสิ้น จำนวน 193 บูธ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า OTOP ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 24 บูธ ผ้าและเครื่องแต่งกายจำนวน 51 บูธ เครื่องประดับจำนวน 15 บูธ ของใช้ จำนวน 38 บูธ สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 11 บูธ ประเภทชวนชิม จำนวน 14 บูธ และโซนตลาดสัมมาชีพชุมชน จำนวน 10 บูธ โดยมียอดจำหน่ายสะสมจำนวน 2 วัน รวม 3,318,220 บาท

ทั้งนี้ ในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในเต็นท์โดมติดแอร์ ซึ่งการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในงานเริ่มตั้งแต่ 10.00 น ของทุกวัน ปิดจำหน่าย 21.00 น ทุกวันจะมีกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกวัน อาทิ เช่น กิจกรรมนาที คอนเสริต์บ่าวต๊ะ จากค่ายไหทองคำ และแจกรางวัลรางวัลใหญ่ภายในงานฯ เป็นต้น ในนามของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี คณะกรรมการเครือข่าย OTOP ภาคใต้ และคณะกรรมการเครือข่าย OTOP จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอเชิญชวน ชม ชิม ช๊อป สินค้าชุมชน ของดีมีคุณภาพจากทั่วประเทศได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

 

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!