Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

รองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีประชุมคณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัดสุราษฎร์ธานี โครงการฝายทดน้ำในคลองชะอุ่น (ฝายบ้านตาวรรณ์)

 
วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมนางยวน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 5
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัดสุราษฎร์ธานี โครงการฝายทดน้ำในคลองชะอุ่น (ฝายบ้านตาวรรณ์)
 
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 ได้มีหลักเกณฑ์ การจ่ายเงินค่าทดแทนทรัพย์สิน โดยจ่ายค่าทดแทนให้แก่ เจ้าของบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ยืนต้น ซึ่งปลูกสร้างในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ที่ดินอุทยานแห่งชาติที่ดินสาธารณะประโยชน์หรือที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อื่นๆ ซึ่งราษฎรได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ก่อนที่กรมชลประทานจะเข้าทำการก่อสร้าง และเจ้าของพืชล้มลุกที่ยังไม่เก็บเกี่ยวผลผลิตซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่มีหรือไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะจ่ายเงินค่าทดแทนให้เฉพาะที่เสียหายเนื่องจากการก่อสร้างโครงการชลประทานโดยไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทัน พร้อมทั้งผู้ครอบครองและทำประโยชน์ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ทั้งที่อยู่ในเขตหรือนอกเขตสงวนหวงห้ามของทางราชการแต่อยู่ในเขตทำการก่อสร้างการชลประทานโดยได้ครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนที่กรมชลประทานจะเข้าดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงสมาชิกในเขตสหกรณ์นิคม และนิคมสร้างตนเอง ที่มีหลักฐาน น.ค.3 หรือผู้มีสิทธิที่จะได้รับหลักฐาน น.ค.3 ตามหลักเกณฑ์ในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ ซึ่งทางอำเภอไม่สามารถที่จะจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมได้ขณะนั้นให้มีสิทธิ์ได้รับเงินค่าชดเชยที่ดินเป็นกรณีพิเศษ.

รองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานีประชุมหารือเรื่องการขอใช้พื้นที่ เพื่อดำเนินการสร้างอุโมงค์ทางลอดเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ

 
วันที่ 2 ธ.ค. 67 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมนางยวน ชั้น5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมหารือเรื่องการขอใช้พื้นที่ เพื่อดำเนินการสร้างอุโมงค์ทางลอดเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ
ด้วยแขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานีที่ 2 (กาญจนดิษฐ์) ได้ดำเนินการโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะทำการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด ในทางหลวงหมายเลข 4142 ตอน บ้านใน - บ้านโฉ บริเวณ กม.21+800 - กม.21+940 (บริเวณทางแยกหน้าอำเภอดอนสัก) วงเงินงบประมาณ 55,000,000 บาท (ห้าสิบห้าล้านบาทถ้วน) โดยจะต้องใช้พื้นที่นอกเขตทางเพื่อก่อสร้างพื้นที่รวมขณะทำการก่อสร้าง จำนวน 10,971.46 ตารางเมตร
โดยในขณะนี้ แขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานีที่ 2 (กาญจนดิษฐ์) ได้รับอนุมัติแผนดำเนินระหว่างดำเนินการหาตัวผู้รับจ้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 และเงินงบประมาณ แต่เรื่องการขอใช้พื้นที่ในการดำเนินการก่อสร้างยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากทุกหน่วยงาน อาจทำให้โครงการและเงินงประมาณจำนวนดังกล่าวต้องตกไป และจะต้องโยกเงินงบประมาณไปให้กับหน่วยงานอื่นที่มีความพร้อม ซึ่งจะเป็นเสียโอกาสที่จะได้นำเงินงบประมาณมาดำเนินการแก้ไขปัญหาในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้แขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานีที่ 2 (กาญจนดิษฐ์) ได้นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เพื่อการพิจารณาและดำเนินการเรื่องขอใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าว ประกอบด้วย ที่ว่าการอำเภอดอนสัก เทศบาลเมืองดอนสัก สถานีตำรวจภูธรดอนสัก สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขากาญจนดิษฐ์ ส่วนแยกดอนสัก สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี)และธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมกันพิจารณาต่อไป.

สภาเกษตรกรแห่งชาติและสภาเกษตรกรจังหวัด สุราษฎร์ธานี จัดโครงการ “ร่วมใจภักดิ์ ถวายความจงรักภักดี“ น้อมเกล้าฯ ถวายข้าวสารเพื่อเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

 
วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี (หลังใหม่)
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ร่วมใจภักดิ์ ถวายความจงรักภักดี”น้อมเกล้าฯ ถวายข้าวสารเพื่อเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องโนโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 สภาเกษตรกรแห่งชาติ พร้อมด้วยสภาเกษตรกรจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ได้พร้อมใจกันจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติ "รวมใจภักดิ์ ถวายความจงรักภักดี" โดยน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายข้าวสาร จำนวน 73 ตัน ทั้งประเทศ และเป็นข้าวสารของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 1,475 กิโลกรัม เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยข้าวสารที่จะน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายในครั้งนี้ เป็นผลผลิตที่เกิดจากน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยในความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทย ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการพระราชดำริด้านการเกษตร ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรทั่วหล้า
ทั้งนี้รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวขอบคุณ ที่ทางสภาเกษตรกร ฯ ส่งมอบข้าวสารจำนวน 73 ตัน ทั้งประเทศ และเป็นข้าวสารของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 1,475 กิโลกรัม ที่ได้มอบให้แก่มูลนิธิประชานุเคราะห์ ในวันนี้นับเป็นน้ำใจอันประเสริฐที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์จะดำเนินการนำข้าวสารที่ได้รับมอบในวันนี้ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยและสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามเจตนารมณ์ อันเป็นการสืบสานพระราชปณิธานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

จังหวัดสุราษฎร์ธานีประชุมติดตามการบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 
วันที่ 2 ธันวาคม 2567
นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 4/2567 ณ ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาคารหลังเก่า ชั้น 2 เพื่อติดตามการบริหารจัดการมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานการบริหาร จัดการมูลฝอยติดเชื้อและของเสียอันตรายต่อชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2566 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งพบว่า การเก็บและการขนเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้อเพื่อส่งไปกำจัด ยังไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการเก็บขนและเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้อเพื่อส่งไปกำจัดอยู่ในช่วงระยะเวลาเกินกว่า 7 วัน และไม่ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมของเสียอันตรายจากชุมชน เป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกปี
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยที่ต้นทาง ได้แก่ การให้ความเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน การขับเคลื่อนธนาคารขยะ (Recycle Waste Bank) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การยกเลิกการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการมูลฝอย Clusters ที่ 3 การรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการมูลฝอยบนพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า การขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอย (Clusters) ภายในเขตจังหวัด และการขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการขยะมูลฝอย(Clusters) ข้ามเขตจังหวัด กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 3 แห่งแจ้งความประสงค์ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงสถานที่กำจัดขยะข้ามเขตจังหวัดมายังสถานที่กำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยประเด็นนี้ ที่ประชุมยังไม่ให้ความเห็นชอบ และต้องมีการประชุมหารือ พิจารณาในรายละเอียดต่อไป
 
 
 
Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!