Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

กรมส่งเสริมการเกษตร จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่(Field Day) ประจำปี 2568 เพื่อส่งเสริม ให้ความรู้การเกษตรอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 
วันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่หอประชุมวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้การต้อนรับ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่(Field Day) ประจำปี 2568 โดยมี นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่และเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเกษตรเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรมีองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เท่าทันต่อสถานการณ์การประกอบอาชีพการเกษตรทุกปี ซึ่งการเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างเหมาะสมในปี 2568
สำหรับงาน Field Day ครั้งนี้ เกษตรกรและผู้ร่วมงานจะได้รับความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันและไม้ผลซึ่งเป็นพืชที่สร้างรายได้หลักให้กับเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาตามแผนพัฒนาจังหวัด ปี พ.ศ. 2566 - 2570 ไว้ว่า “ เมืองเกษตรมูลค่าสูง การท่องเที่ยวยั่งยืน สังคมเป็นสุข” ซึ่งในงานมีสถานีเรียนรู้สำคัญ ได้แก่ สถานีเรียนรู้ที่ 1 ปาล์มน้ำมัน "เส้นทางสีเขียวและความยั่งยืน: นวัตกรรมปาล์มน้ำมันเพื่ออนาคต" "Road to Sustainability & Green : Palm Oil Innovations" ที่ให้ความรู้เรื่องนวัตกรรมการเกษตร การขับเคลื่อนมาตรฐานการผลิต การจัดการโรคและศัตรูปาล์มน้ำมัน เตรียมความพร้อมเข้าสู่มาตรฐาน RSPO และ EUDR อันเป็นการพัฒนาการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าเกษตร สถานีเรียนรู้ที่ 2 ทุเรียน "นวัตกรรมเพื่ออนาคตของการผลิตทุเรียน" "Next Tech : Future of Durian Innovation" ที่ให้ความรู้เรื่องการป้องกันกำจัดโรคแบบผสมผสาน นวัตกรรมการเกษตรเพื่อการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Climate Change และการจัดการวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนองค์ความรู้จากงานวิจัยและเทคโนโลยีจากหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ สถาบันการศึกษา และเอกชน ร่วมทำความเข้าใจในสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) 6 ชนิดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบด้วย มะพร้าวเกาะพะงัน เงาะนาสาร ขมิ้นชัน ไข่เค็มไชยา หอยนางรม และปลาเม็ง เพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีไปปรับใช้กับการทำเกษตรของตนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังได้กำหนดเข้าถ่ายทอดความรู้ในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพืชภาคใต้ตอนบน ประจำปี 2568 สุราษฎร์ธานีโมเดล : “นวัตกรรมก้าวหน้า วิชาการก้าวไกล เกษตรใต้มั่นคง” ผ่านนิทรรศการการรับรองมาตรฐานการผลิตพืช นำเสนอเส้นทางสู่ความสำเร็จในการยกระดับแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันสู่มาตรฐาน RSPO ณ สหกรณ์สุราษฎร์ธานี จำกัด (CO/OP) อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 9.00 – 12.00 น. ซึ่งผู้สนใจศึกษาแนวทางการขอรับรองมาตรฐานการเกษตร สามารถเข้าเรียนรู้ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตามวันเวลาดังกล่าว

จังหวัดสุราษฎร์ธานีประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม

 
วันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมตาปี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม เพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่มในช่วงที่ผ่านมา
ในขณะที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 13-16 ธ.ค. 67 หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลับพลันและน้ำไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิง ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วยส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว
ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีข้อสั่งการให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2567 และเน้นย้ำให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์สภาพอากาศ ปริมาณฝน สถานการณ์น้ำ และประเมินความเสี่ยงการเกิดอุทกภัย น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์.

รองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ติดตามปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ริมคลองกระแดะ ข้างวัดปากคู ตำบลช้างซ้าย อำเภอกาญจนดิษฐ์ ใกล้ถึงศาลาโรงครัว ประสาน อบจ. นำเครื่องจักร เข้าปักแผ่นกั้นดินพัง แก้ปัญหาระยะสั้น และให้โยธาธิการฯ ออกแบบทำเขื่อนกั้นตลิ่ง ระยะยาว

 
จากภาวะฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ทำให้กระแสน้ำในคลองกระแดะ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่แนวเทือกเขารอยต่อระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับ อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและไหลเชี่ยว ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
วันที่ 12 ธันวาคม 2567
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ด่วน หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามี เขื่อนกั้นตลิ่ง ริมวัดปากคู หมู่ที่ 1 ตำบลช้างซ้าย อำเภอกาญจนดิษฐ์ ซึ่งอยู่ริมคลองดังกล่าว เกิดทรุดตัวได้รับความเสียหายราว 100 เมตร โดยมีนายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ พร้อมด้วย นายธานินทร์ นวลวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัวแทน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลช้างซ้าย และผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบแนวเขื่อนกั้นตลิ่ง ริมวัดปากคู ถูกน้ำกัดเซาะจนพังลง เป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร ลึกเข้ามาในเขตวัดประมาณ 2 เมตร บางจุดเกือบ 3 เมตร และใกล้ถึงตัวอาคารศาลาโรงครัวของวัด ขณะที่ระดับน้ำในคลองค่อนข้างสูงและไหลเชี่ยว เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ทั้งในพื้นที่ต้นน้ำ และที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ทำให้มีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น และไหลแรง อาจส่งผลกระทบให้มีการกัดเซาะเข้ามาเพิ่มขึ้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้สั่งการให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตั้งป้ายเตือน ห้ามประชาชนเข้าไปใกล้พื้นที่ที่ถูกกัดเซาะ พร้อมทั้งประสานองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อนำเครื่องจักร เข้ามาติดตั้งแผ่นเหล็กกั้นดินพัง หรือ ชีทไพล์ เพื่อป้องกันไม่ให้มีตลิ่งถูกกัดเซาะเพิ่มเติมโดยเร็ว ซึ่งทาง อบจ.พร้อมดำเนินการทันที โดยให้เทศบาลตำบลช้างซ้ายทำหนังสือเข้ามา ส่วนระยะยาว รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกแบบก่อสร้างเขื่อนกั้นตลิ่งที่มั่นคงถาวร เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและสถานที่สาธารณประโยชน์

จังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดงานฟอรั่ม ระดับจังหวัดโครงการ Urban Reslience : Provincial Forum ประจำปี 2567 เสริมสร้างความสามารถของเมืองและธรรมชาติในการตั้งรับปรับตัวต่อผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

 
วันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. ณ สวนหลวง ร.9 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีเปิดงานฟอรั่มระดับจังหวัดโครงการ Urban Reslience : Provincial Forum ประจำปี 2567 โดยมีนายประเสริฐ บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมในพิธี
โดยโครงการเสริมสร้างความสามารถของเมืองและธรรมชาติในการตั้งรับปรับตัวต่อผลกระทบวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (Urban Resilience Building and Nature) ถือเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่นำมาตรฐานสากลในการแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมชาติเป็นฐาน หรือ Nature-based Solutions (NbS) ซึ่งพัฒนาโดย IUCN มาใช้ในการเพิ่มศักยภาพของเมืองในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ความร่วมมือของกรมทรัพยากรน้ำ และ IUCN แผนงานประเทศไทย ร่วมกับ 4 องค์กรภาคี เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC) รีคอฟประเทศไทย (RECOFTC) สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการริเริ่มด้านภูมิอากาศสากล (IKI) สหพันธุ์รัฐเยอรมนี โดยมุ่งดำเนินงานในจังหวัดเชียงราย (ภูมินิเวศน้ำจืด) และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ภูมินิเวศลุ่มแม่น้ำเชื่อมต่อกับทะเล) เป็นระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2567 - 2571) ซึ่งขณะนี้อยู่ในปีแรกของการดำเนินโครงการ
ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การเปิดงานในวันนี้ นับเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน และเยาวชน ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับการเสริมสร้างเมืองตั้งรับปรับตัวต่อวิกฤตโลกรวน ด้วยแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ใช้ธรรมชาติเป็นฐาน (Nature-based Solutions: NbS) โดยใช้ต้นทุนทางธรรมชาติและระบบนิเวศที่สมบูรณ์ในการปกป้องพลเมือง เสริมประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนวางรากฐานสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
จังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองที่สอดคล้องกับธรรมชาติ และสนับสนุนการนำแนวคิดการใช้ธรรมชาติเป็นฐาน ในการลดความเสี่ยงและผลกระทบ จากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นแนวทางที่จังหวัดให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง.
Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!