Accessibility Tools

A A A

messenger  facebook  youtube

Google Translate Widget by Infofru

Author Site Reviewresults

จังหวัดสุราษฎร์ธานีจับมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 139 แห่ง ขับเคลื่อนการดำเนินการธนาคารขยะ ส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะรีไซเคิล สร้างรายได้และพัฒนาไปสู่การจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก

 

วันที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น.

นายมนตรา พรมสินธุ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิดประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการบริหารธนาคารขยะ และคณะทำงานธนาคารขยะชุมชน/หมู่บ้าน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุมเมืองคนดี ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขับเคลื่อนธนาคารขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีนโยบายสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน โดยการจัดตั้งธนาคารขยะอย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะรีไซเคิลไปจำหน่ายให้กับธนาคารขยะ ซึ่งนอกจากเป็นการสร้างนิสัยคัดแยกขยะมูลฝอยแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน และพัฒนาไปสู่การจัดสวัสดิการให้กับสมาชิกธนาคารขยะในโอกาสต่อไป

ซึ่งในส่วนของจังหวัดสุราษฏร์ธานีได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาลและ องค์การบริหารส่วนตำบล ทั้ง 139 แห่ง จัดตั้งธนาคารขยะครบถ้วนทุกแห่ง ผลการดำเนินงานถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 มีธนาคารขยะทั้งสิ้น จำนวน 144 แห่ง สมาชิก จำนวน 2,210 คน ปริมาณขยะที่ขายได้ 40,463.89 กิโลกรม เงินที่ได้จากการขายขยะรีไซเคิล 198,791 บาท สำหรับกิจกรรมในวันนี้ เป็นการทบทวนและซักซ้อมความเข้าใจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการบริหารธนาคารขยะ และคณะกรรมการธนาคารขยะของหมู่บ้านชุมชน เป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน.

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบอารยเกษตรตามแนวพระราชดำริของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2/2567


วันที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมนางยวนศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 5
นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบอารยเกษตรตามแนวพระราชดำริของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2/2567
กระทรวงมหาดไทยได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่ประยุกต์และอารยเกษตร โดยการนำที่ดินสาธารณะประโยชน์ หรือที่ดินของหน่วยงานรัฐ มาดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ(แก้มลิง) แบบอารยเกษตรขับเคลื่อนตามพระราชปณิธาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด” เพื่อช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งของประชาชนและพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จึงได้ให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำ(แก้มลิง) แบบอารยเกษตร
สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ใช้พื้นที่ บริเวณที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะประโยชน์ หมู่ที่ 3 บ้านปากบาง ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ประเภทหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงขนาด พื้นที่ 88 ไร่ โดยที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการออกแบบ การประเมินราคา การจัดเตรียมงบประมาณและการมอบหมายภารกิจโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบอารยเกษตรตามแนวพระราชดำริของจังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา


วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ โรงแรมแก้วสมุย รีสอร์ท อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดโครงการพัฒนาบุคลากรด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ตามที่สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำหนดจัดทำโครงการพัฒนาบุคลากรด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้ความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และสามารถนำไปจัดกระบวนการเรียนรู้หลักสูตรต้านทุจริตการศึกษาให้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามวัตถุประสงค์โครงการฯ

จังหวัดสุราษฎร์ธานีต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ VSV5352 บินตรงจากสาธารณรัฐคาซัคสถานอย่างอบอุ่น ขณะที่ ททท. เชื่อมั่นการเปิดเส้นทางบินตรงช่วยขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวเอเชียกลาง ผลักดันเป้าหมายนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเข้าประเทศไทย 220,000 คนในปี 2567

 

วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.00 น.

นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางจิระวดี คุณทรัพย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป ททท. และ Mr. Kurshad Bakir Managing Director Selfie Travel Asia ให้การต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมากับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Scat Airlines เที่ยวบิน VSV5352 บินตรงจากกรุงอัลมาตี สาธารณรัฐคาซัคสถาน พร้อมด้วยผู้โดยสาร 212 คน เดินทางถึง ณ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี โดยมีเรือเอกชัชวรรณ สาครสินธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา ให้เกียรติร่วมเดินทางพร้อมคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากคาซัคสถาน

โดย นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จภายใต้ความร่วมมือของ Selfie Travel และ Fun & Sun บริษัททัวร์รายใหญ่ของสาธารณรัฐคาซัคสถานและสายการบิน Scat Airlines ในการประกาศเปิดเที่ยวบินตรงแบบเช่าเหมาลำ เส้นทางกรุงอัลมาตี สาธารณรัฐคาซัคสถานสู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ด้วยเครื่อง Boeing 737-Max ความจุผู้โดยสาร 212 ที่นั่ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2567 ความถี่ 1 เที่ยวบินทุก 10 วัน(รวม 13 เที่ยวบิน) โดยเที่ยวบินในวันนี้นับเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ซึ่งได้รับเกียรติจากเรือเอกชัชวรรณ สาครสินธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา ร่วมเดินทางพร้อมคณะผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวคาซัคสถานและสื่อมวลชน และในโอกาสนี้ ททท. ได้ร่วมต้อนรับและส่งมอบบรรยากาศแห่งความประทับใจทันทีที่เครื่องบินเดินทางถึงประเทศไทย ด้วยอุโมงค์น้ำ (Water Salute) พร้อมมอบของที่ระลึกพวงกุญแจตุ๊กตาช้าง ให้แก่นักท่องเที่ยวและผ้าพันคอสำหรับ Cabin crew เพื่อแสดงมิตรไมตรีและสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ำให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจของนักท่องเที่ยว

สำหรับการขยายเส้นทางบินของสายการบิน Scat Airlinesโดย Selfie Travelและ Fun & Sunได้เลือกท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เป็นจุดหมายปลายทางนั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ตลาดระยะไกลAirline Focus ผลักดันสายการบินขยายเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางเมืองหลักและเมืองรองของประเทศไทยที่ ททท. กำลังเดินหน้าขับเคลื่อน และถือเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการส่งเสริมการเดินทางมายังประเทศไทยของกลุ่มนักท่องเที่ยวคาซัคสถานและพื้นที่ใกล้เคียงแถบ CIS รวมถึงรัสเซียให้สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติอย่าง เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า รวมถึงพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของคาซัคสถาน เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2567 ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วง Low Season ของประเทศไทยให้คึกคักมากยิ่งขึ้นด้วย

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม –29 เมษายน 2567 นักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศไทยแล้วกว่า 95,463 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม First Visit ที่เดินทางมากับครอบครัวผ่านกรุ๊ปทัวร์ถึงร้อยละ 74.11 และมีวันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 9.81 คืน ค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ย 75,080 บาทต่อคนต่อทริป ซึ่ง ททท. เชื่อมั่นว่า การเปิดเส้นทางบินตรงมายังประเทศไทยของสายการบิน Scat Airlines และมาตรการกระตุ้นการเดินทางของภาครัฐ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวเอเชียกลาง และเป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเข้าประเทศไทย 220,000 คน ในปี 2567 นี้.

Copyright © 2021  www.suratthani.go.th

AChecker accessibility checker compliance: WCAG 2.0 (Level AAA) Valid CSS!